ไนกี้ ฟรี 2015 รองเท้าวิ่งนวัตกรรมขั้นสูง ที่มาพร้อมกับแนวคิดการดีไซน์ “น้อยแต่มาก”

ข่าวทั่วไป Friday April 10, 2015 12:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--เวิรฟ ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เผยโฉมไนกี้ ฟรีคอลเลคชั่น 2015 รองเท้าวิ่งที่ได้รับการออกแบบ เพื่อให้นักกีฬาสามารถวิ่งได้หลากหลายรูปแบบและเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในปี 2015 นี้ ไนกี้ได้นำเสนอรองเท้าวิ่งคอลเลคชั่น “ไนกี้ ฟรี” ที่มาพร้อมด้วยกัน 3 สไตล์ คือรองเท้ารุ่นไนกี้ ฟรี 3.0 ฟลายนิต, ไนกี้ ฟรี 4.0 ฟลายนิต, และไนกี้ ฟรี 5.0 โดยรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาและตัดทอนบางส่วนของดีไซน์ เพื่อให้สามารถรองรับการเคลื่อนไหวของเท้าและร่างกายของผู้สวมให้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แนวคิดของคอลเลคชั่นไนกี้ ฟรีถือกำเนิดขึ้นในปี 2001 หลังจากที่นักออกแบบนำเอาข้อคิดเห็นจากโค้ชกีฬาวิ่งในตำนานมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรองเท้าวิ่งที่สามารถมอบความรู้สึกเหมือนการวิ่งด้วยเท้าเปล่าและช่วยในเรื่องการปกป้องของเท้าอีกด้วย ในปี2015 นี้ นักออกแบบของคอลเลคชั่นไนกี้ ฟรี พยายามลดทอนสิ่งที่รบกวนการวิ่งอย่างเป็นธรรมชาติออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นชั้นวัสดุ ฝีเข็ม และชิ้นส่วนขนาดใหญ่อื่นๆที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการวิ่งให้ดียิ่งขึ้น ไนกี้ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดมาจากกีฬาวิ่ง ได้นำข้อมูลจากนักวิ่งมาพัฒนาร่วมกับตัวรองเท้าภายใต้แนวคิด “น้อยแต่มาก”เพื่อให้ได้รองเท้าวิ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด คือ 1. ทำให้พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไนกี้ได้สร้างสรรค์รองเท้าให้เท้ามีระยะที่ชิดกับพื้นมากขึ้นและเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ จากงานวิจัยจะเห็นว่าเท้าของมนุษย์ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรงในขณะวิ่งถึงแม้ว่ามนุษย์จะวิ่งไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงก็ตาม แต่เท้าของมนุษย์จะเอียงออกเล็กน้อยเมื่อกระทบกับพื้น รอยบากแบบหกเหลี่ยมบริเวณปลายสุดของส้นรองเท้าในรองเท้าวิ่งตระกูลไนกี้ฟรีทั้ง 3 รุ่น จึงได้รับการออกแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวของเท้าได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ช่วยให้เท้าปรับตัวกับพื้นได้ดี โดยมีโฟมฟีไลท์ (Phylite) น้ำหนักเบาคอยมอบการปกป้องเท้ามากยิ่งขึ้น 2. พัฒนาหน้ารองเท้าให้กระชับเหมือนถุงเท้า ไนกี้ได้พยายามออกแบบรองเท้าไนกี้ ฟรี 3.0 ฟลายนิตและไนกี้ฟรี 4.0ฟลายนิตให้มีนวัตกรรมใหม่มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความกระชับและความยืดหยุ่น ซึ่งรองเท้าทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้หน้ารองเท้าแบบชิ้นเดียว ไร้รอยต่อ และผลิตจากเทคโนโลยีฟลายนิต (Flyknit) ที่ช่วยให้รองเท้ารองรับกับรูปทรงเท้าของผู้สวมใส่และปกป้องเท้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีฟลายนิตยังเพิ่มความยืดหยุ่น การปกป้อง หรือเพิ่มคุณสมบัติการระบายอากาศได้ดี โดยรอบเย็บฝีเข็มด้านหลังที่เคยมีอยู่ก็ได้รับการขจัดออกเพื่อให้สวมใส่ได้สบายและกระชับยิ่งกว่าเดิม ส่วน รองเท้าไนกี้ฟรี 5.0ได้รับการลดทอนชั้นวัสดุลงและใช้โครงสร้างที่เหมือนกับถุงเท้าเด็กเพื่อให้ความนุ่มสบายอย่างที่สุด โดยตัวรองเท้าจะมีน้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูง หน้ารองเท้าผลิตจากการเย็บชิ้นส่วนต่างๆเข้าด้วยกัน โดยมีเทคโนโลยีฟลายนิตในส่วนหน้ารองเท้า เพื่อทำให้รองเท้าเบาลงและระบายอากาศได้ดีขึ้น รองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นนี้ยังได้ใช้เทคโนโลยีฟลายไวร์(Flywire) เพื่อให้รองเท้ามีน้ำหนักเบา และมอบการปกป้องเท้าได้ดีขึ้นโดยเฉพาะบริเวณกลางเท้าและฝ่าเท้า 3. การออกแบบรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา เทคโนโลยีไนกี้ฟลายนิตเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของแนวคิด “น้อยแต่มาก” และยังช่วยให้หน้ารองเท้าของไนกี้มีคุณสมบัติที่สอดรับกับคุณสมบัติเด่นบริเวณปลายส้นรองเท้าที่ช่วยให้นักวิ่งสามารถวิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย หน้ารองเท้ามีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา และทนทาน โดยได้รับการพัฒนาให้พอดีกับเท้าของผู้สวมใส่แต่ละคนและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมที่สุด ในรุ่นไนกี้ฟรี 3.0 ฟลายนิตและไนกี้ฟรี 4.0 ฟลายนิตยังมีการระบายอากาศที่ดีเยี่ยมอีกด้วย เนื่องจากมีชั้นของวัสดุตาข่ายที่น้อยลงบริเวณหน้ารองเท้า ขณะที่นักวิ่งสวมใส่รองเท้าไนกี้ ฟรี 5.0 ก็ยังสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของรองเท้าที่น้อยลงเช่นกัน ซึ่งส่งผลดีต่อการวิ่งระยะไกล 4. ปกป้องส้นเท้ามากขึ้น ด้วยชิ้นส่วนที่กระชับมากขึ้น นักวิ่งบางคนอาจจะชอบโครงสร้างพลาสติกที่ปกป้องส้นเท้าบริเวณด้านหลังของรองเท้า แต่รองเท้ารุ่นไนกี้ฟรี 3.0 ฟลายนิตทดแทนชิ้นส่วนดังกล่าวด้วยเทคโนโลยีไนกี้ฟลายนิต ในขณะที่รองเท้าไนกี้ฟรี 4.0 ฟลายนิตใช้เส้นใยที่ไม่ยืดหยุ่นช่วยประคองและปกป้องส้นเท้า 5. ลดขยะจากการผลิต เทคโนโลยีฟลายนิตไม่เพียงแต่ลดน้ำหนักของตัวรองเท้าเท่านั้น แต่กระบวนการผลิตรองเท้าที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวยังมีขยะเหลือจากการผลิตลดลงด้วย นับตั้งแต่ไนกี้นำเสนอเทคโนโลยีฟลายนิตกับรองเท้ารุ่นฟลายนิตเรเซอร์ (Flyknit Racer) นวัตกรรมนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักขยะจาการผลิตได้มากกว่า 2 ล้านปอนด์ หรือหนักกว่าเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 3 เท่า หน้ารองเท้าผลิตจากการเย็บชิ้นส่วนต่างๆเช้าด้วยกันแต่เทคโนโลยีฟลายนิตใช้เส้นด้ายในการผลิตหน้ารองเท้าและช่วยให้หน้ารองเท้ามีลักษณะไร้รอยต่อ รองเท้าจึงมีน้ำหนักเบา กระชับ ช่วยให้นักวิ่งสามารถวิ่งได้อย่างเต็มที่และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง นักออกแบบของไนกี้ไม่ได้มองเห็นว่ารองเท้าตระกูลไนกี้ ฟรีเป็นการผสานคุณสมบัติต่างๆเข้าด้วยกัน แต่คุณสมบัติต่างๆ ต้องทำงานสอดประสานกันเพื่อให้เท้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชั้นโฟม วัสดุต่างๆ หรือเทคโนโลยี รองเท้าตระกูลไนกี้ ฟรีสำหรับฤดูร้อนได้รับการพัฒนาให้เท้าเคลื่อนไหวได้ 360 องศาอย่างแท้จริง สำหรับรองเท้าวิ่งไนกี้ฟรีคอลเลคชั่น 2015 จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไนกี้ ฟรี 3.0 ฟลายนิต จะวางจำหน่ายในราคา5,400 บาท ไนกี้ ฟรี 4.0 ฟลายนิต จะวางจำหน่ายในราคา 4,900 บาท และไนกี้ ฟรี 5.0 จะวางจำหน่ายในราคา 4,200 บาท ที่ร้านไนกี้ สาขาสยามสแควร์ เอสคิววัน สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาเทอมินัล 21 สาขาเอ็มโพเรียม สาขาพัทยา สาขาภูเก็ต ร้านสปอร์ตมอลล์ และ ร้านซุปเปอร์สปอร์ต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ