นักร้องนักแสดงชาวเวียดนามร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านการค้าเนื้อสุนัข “มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยนำปล่อยแคมเปญเรียกร้องรัฐบาล”

ข่าวทั่วไป Thursday April 16, 2015 15:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือการจัดสวัสดิภาพสุนัขและแมวในประเทศไทยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์สุนัขเอเชีย?(Asia Canine Protection Alliance - ACPA) ปล่อยแคมเปญหลักในประเทศเวียดนามเพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลออกกฎหมายเอาผิดการค้าและบริโภคเนื้อสุนัขในประเทศ แคมเปญดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเหล่านักร้องชื่อดังชาวเวียดนาม รวมไปถึงโปรดิวเซอร์เพลงและผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งร่วมปรากฏตัวในวีดีโอที่ถ่ายทำขึ้นเพื่ออธิบายว่าเหตุใดอุตสาหกรรมนี้จึงควรเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จอห์น ดัลลี่ ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย กล่าวว่า “ไม่ว่าจะขั้นตอนไหนของการค้าเนื้อสุนัขก็แสดงให้เห็นถึงการทารุณกรรมสัตว์อย่างรุนแรง สุนัขจำนวนมากที่เข้าสู่วงจรการค้าเนื้อถูกลักลอบขนส่งจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านชายแดนเข้าสู่ประเทศเวียดนามเพื่อเป็นอาหาร ถูกจับยัดรวมกันในกรงเล็กๆ ไม่มีแม้ที่ว่างให้ขยับตัว ทั้งยังไม่ได้รับน้ำหรืออาหารเป็นเวลาหลายวัน ก่อนถูกส่งไปอยู่ในคอกรวมชั่วคราว ซึ่งเป็นแหล่งที่สุนัขจะถูกจับยัดข้าวเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ตัวและนั่นหมายถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากนั้นจึงถูกขายให้กับโรงฆ่าสัตว์ ถูกเชือดคอ โยนลงถังน้ำเดือดทั้งที่ยังมีชีวิต เนื่องจากความเชื่อที่ว่า ในขณะที่ถูกฆ่ายิ่งสุนัขหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เนื้อสุนัขมีความอร่อยมากขึ้นเท่านั้น” ตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยกล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมการค้าเนื้อสุนัขไม่เพียงแต่โหดเหี้ยมทารุณเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่างร้ายแรงอีกด้วย เนื่องจากเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า อหิวาตกโรค และโรคพยาธิทริคิโนซิสสามารถติดต่อสู่มนุษย์ได้ด้วยการสัมผัสหรือการบริโภค มิสเตอร์ดัลลี่ กล่าวเสริมว่า “เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเนื้อสุนัขที่คุณรับประทานเข้าไปจะปลอดภัยไร้โรคหรือติดเชื้อหรือไม่ เพราะที่มาของเนื้อนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด” นอกจากความโหดเหี้ยมและประเด็นเรื่องสุขภาพแล้ว อุตสาหกรรมค้าเนื้อสุนัขยังส่งเสริมอาชญากรรมด้วยอีกทางหนึ่ง การลักขโมยสุนัขกลายเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในเวียดนาม โดยกลุ่มหัวขโมยจะลักขโมยสุนัขที่มีเจ้าของไปจากบริเวณท้องถนนหรือสวนสาธารณะต่างๆ ทั่วประเทศ สุนัขตัวหนึ่งอาจมีมูลค่าถึง 50 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ได้กำไรงามสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ พบว่ามีการใช้ปืนไฟฟ้าเพื่อทำให้สุนัขหมดสติหรือใช้บ่วงที่ประดิษฐ์เองเพื่อจับสุนัข เจ้าของสุนัขเองก็มีการต่อสู้เพื่อตอบโต้ เมื่อขโมยหลายคนถูกชาวบ้านที่กำลังโกรธเกรี้ยวรุมทำร้าย บางส่วนได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตาย ในทางกลับกัน เพื่อปกป้องสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเจ้าของสุนัขที่โกรธแค้นจำนวนหนึ่งเลือกที่จะตอบโต้หัวขโมยกลับ กลายเป็นการท้าทายและถูกฆ่าเอาชีวิตในที่สุด แคมเปญใหม่เรียกร้องให้เยาวชนชาวเวียดนามร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติอุตสาหกรรมการค้าเนื้อที่โหดเหี้ยมทารุณ ซึ่งนอกจากไวรัลแคมเปญดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการจัดกิจกรรมชุมนุมหรือประชุมตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกิจกรรมนี้ พร้อมทั้งล่ารายชื่อเยาวชนให้ครบหนึ่งล้านเสียงเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล แคมเปญล่ารายชื่อจากทั่วโลกก็จะดำเนินการไปพร้อมกันด้วย ซึ่งมูลนิธิหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจนครบหนึ่งล้านเสียงร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงที่จะช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลเวียดนามให้หันมาดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อยุติอุตสาหกรรมค้าเนื้อสุนัขในประเทศ รับชมวีดีโอและร่วมลงชื่อได้ที่https://savedogs.soidog.org/vietnam เกี่ยวกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย: มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 และได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้าย ในประเทศไทย คุณจอห์น ดัลลี่ ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมให้สัมภาษณ์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับมูลนิธิและกิจกรรมของเรา ? หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเวบไซต์ของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้ ที่ www.soidog.org หรือ www.facebook.com/soidoginthai

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ