กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
ฟอร์ดร่วมกับสมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย หรือ ITS Thailand นำประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกเพื่อการช่วยเหลือยามฉุกเฉินในรถยนต์ (Emergency Assistance) ผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ (SYNC) ของฟอร์ด ที่ปัจจุบันใช้อยู่ใน 61 ประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่ได้มีใช้ในประเทศไทย มาแบ่งปันความรู้ในงานสัมมนา ITS Thailand Forum 2015 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย หรือ ITS Thailand ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 36 เพื่อให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจ
ดร. ภาสกร ประถมบุตร นายกสมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย กล่าวว่า “สมาคมฯ มีความยินดีที่ฟอร์ด ได้มาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการช่วยเหลือฉุกเฉินในรถยนต์ในงานนี้ ซึ่งเรามุ่งหวังให้งานสัมมนานี้เป็นเวทีเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ สร้างพันธมิตรระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ITS จากประเทศต่างๆ และประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยี ITS ที่มีประโยชน์ ซึ่งประเทศไทยสามารถนำข้อมูลที่ได้มาศึกษาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรของไทยต่อไปในอนาคต”
มร. ไบรอัน วิลเคอร์ซัน ผู้จัดการระบบเชื่อมต่อการสื่อสารในรถของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก วิทยากรผู้บรรยายจากฟอร์ด กล่าวว่า “เทคโนโลยีการช่วยเหลือฉุกเฉินในรถยนต์โดยใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ (SYNC) ของฟอร์ด เป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีระดับโลกในการช่วยชีวิตผู้ขับขี่ โดยเทคโนโลยีนี้มีการคิดค้นขึ้นในโรงงานผลิตรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ด โดยทำหน้าที่พูดแทนผู้ขับขี่ในสถานการณ์คับขันซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถสื่อสารได้ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการช่วยเหลือยามฉุกเฉินได้รับการติดตั้งอยู่ในรถฟอร์ดกว่า 11 ล้านคันทั่วโลก ในกว่า 61 ประเทศ และสามารถรองรับได้ถึง 26 ภาษา ตามสถานที่ที่รถเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการตลอดการใช้งานของรถยนต์ ซึ่งฟอร์ดคาดหวังว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยจะสามารถความรู้จากเทคโนโลยีนี้มาใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีการช่วยเหลือฉุกเฉินในรถยนต์ในประเทศไทยในอนาคต”
เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการช่วยเหลือฉุกเฉินในรถยนต์ของฟอร์ด จะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เปิดบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อโทรศัพท์กับระบบซิงค์ภายในรถและเปิดเทคโนโลยีช่วยเหลือยามฉุกเฉินจากเมนูในระบบซิงค์ ระบบนี้จะทำงานตลอดเวลาจนกว่าผู้ขับจะปิดระบบ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะไม่มีการโทรออกในกรณีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุจริง เพราะระบบจะโทรออกต่อเมื่อมีอุบัติเหตุที่ถุงลมนิรภัยทำงานหรือระบบการตัดปั๊มน้ำมันฉุกเฉินมีการแจ้งเตือนเท่านั้น โดยระบบจะโทรศัพท์ไปยังหน่วยบริการฉุกเฉิน เมื่อโทรติดระบบจะรายงานโดยใช้ข้อความเสียงที่มีการบันทึกไว้ล่วงหน้าในระบบในภาษาต่างๆ ตามตำแหน่งที่เกิดเหตุ พร้อมแจ้งตำแหน่งสถานที่เกิดอุบัติเหตุผ่านสัญญาณจีพีเอส ในช่วงนี้ผู้ขับขี่สามารถยกเลิกการโทรได้หากไม่มีเหตุจำเป็น ทั้งนี้ เมื่อหน่วยบริการฉุกเฉินได้รับแจ้งเหตุจะประสานงานแจ้งไปยังตำรวจต่อ เพื่อส่งหน่วยกู้ภัยไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุต่อไป
นี่คืออีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่แสดงถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของฟอร์ดกับการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกภาคส่วน เพื่อนำเสนอทั้งรถยนต์และแนวทางในการสัญจรในรูปแบบต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การเปลี่ยนวิธีการเดินทางของผู้คนโลก เช่นเดียวกับที่ มร. เฮนรี ฟอร์ด ทำเมื่อ 111 ปีที่แล้ว