ผลการดำเนินงานของกระทรวงการคลังรอบ 6 เดือน “คลังมั่นใจ แจงผลงาน 6 เดือน ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ”

ข่าวทั่วไป Thursday April 23, 2015 18:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลงานของกระทรวงการคลังในรอบ 6 เดือนว่า รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2557 ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย อัตรา การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ 6 เดือนแรกติดลบ ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญๆ เช่น เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นอกจากนั้น เป็นเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาละเลยการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่มักใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและประชานิยมที่ทำให้เกิดภาระทางการคลังมากมาย แต่ไม่ช่วยให้ประเทศก้าวข้ามกับดักทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า Middle Income Trap ได้ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังในฐานะกระทรวงที่รับผิดชอบการบริหารการเงิน การคลังของประเทศ ได้มีส่วนกำหนดและสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญๆ หลายประการ เพื่อช่วยเร่งรัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และวางรากฐานทางเศรษฐกิจเพื่อความแข็งแกร่งในอนาคตของประเทศ ในภาพรวมภาวะเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลายขึ้น มีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ยังคงเปราะบางอยู่ โดยอัตราการขยายตัวในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ครึ่งหลังของปี 2557) มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 1.4 ต่อปี (เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2557 ที่หดตัวที่ร้อยละ -0.02 ต่อปี) และการขยายตัวด้านต่างๆ ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความเปราะบาง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของประเทศไทยยังคงชะลอตัว ดังนั้น นโยบายเศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งในส่วนของภาครัฐ และสนับสนุนบทบาทภาคเอกชน สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 รัฐบาลมีรายได?นําส?งคลัง 970 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากปีก่อน โดยภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของรัฐบาลสามารถขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 6.8 ต่อปี สะท้อนการบริโภคภายในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้จำนวน 1.46 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากปีก่อน ทำให้สามารถอัดฉีดเงินงบประมาณสุทธิเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการขาดดุลงบประมาณทั้งสิ้น 491.8 พันล้านบาท ในการนี้ กระทรวงการคลังจึงได้ดำเนินมาตรการสำคัญ ๆ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้นที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และมาตรการระยะปานกลางถึงระยะยาวที่ช่วยเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ลดภาระหนี้และค่าครองชีพของประชาชน สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความโปร่งใส และธรรมาภิบาล ดังนี้ (1) มาตรการระยะ 6 เดือนแรกที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อเร่งพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศจากภาวะที่ประสบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ 1.1 เร่งรัดเบิกจ่ายเงินค้างชำระโครงการรับจำนำข้าวเปลือก 1.2 การทบทวนเงินกันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี 1.3 เร่งรัดการทำสัญญาจ้างรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 และ 2558 1.4 ทบทวนและเร่งรัดเบิกจ่ายงบกลาง (วงเงิน 7,800 ล้านบาท) 1.5 จัดสรรเงินงบไทยเข้มแข็งที่ยังเหลืออยู่ (วงเงิน 15,200 ล้านบาท) 1.6 โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกครัวเรือน (วงเงิน 40,000ล้านบาท) 1.7 โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง (วงเงิน 8,000 ล้านบาท) 1.8 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประกอบด้วย โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (วงเงิน 37,603 ล้านบาท) และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน (วงเงิน 40,692 ล้านบาท) 1.9 การเพิ่มค่าลดหย่อนทางภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในประเทศ (2) มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อวางรากฐานระยะยาว เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน 2.1 การปรับปรุงโครงสร้างภาษีศุลกากร กลุ่มวัตถุดิบ/สินค้าทุน 2.2 การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ SMEs 2.2.1 ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ SMEs2.2.2 สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ SMEs กลุ่มต่างๆ เช่น รายย่อย ผู้ส่งออก อิสลาม เป็นต้น 2.2.3 การจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs (SMEs Private Equity Trust Fund) 2.2.4 การค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม 2.3 การส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน 2.3.1 การนำเสนอร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ... 2.3.2 การให้ใบอนุญาตสินเชื่อประเภท Nano-Finance เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่ง เงินทุนของประชาชนรายย่อย และขจัดปัญหาหนี้นอกระบบ 2.4 การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหา เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นต้น 2.5 การปรับลดภาษีสรรพสามิตเพื่อส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (3) มาตรการลดความเลื่อมล้ำทางสังคม และการลดภาระหนี้และค่าครองชีพของประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเสริมสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจของประชาชน 3.1 การลดความเลื่อมล้ำทางสังคม3.1.1 การส่งเสริมการออมภาคประชาชนผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) 3.1.2 การนำเสนอพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร 3.1.3 โครงการดำเนินการเพื่อการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติ บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557 3.1.4 อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อส่งเสริมให้ชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปีมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยธรรมชาติรวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด 3.2 การลดภาระหนี้และค่าครองชีพของประชาชน3.2.1 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร3.2.2 มาตรการให้ความช่วยเหลือจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.2.3 การเบิกจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ 3.2.4 การขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน (4) มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถเจริญเติบโตไปพร้อมกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค 4.1 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) 4.2 การสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 6 จังหวัด 4.2.1 ลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 4.2.2 สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ 4.2.3 จัดหาที่ดินราชพัสดุเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ4.2.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร 4.2.5 การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (One Stop Service) 4.3 การปรับปรุงพิธีการศุลกากรให้เป็น National Single Window และ ASEAN Single Window (5) มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทั้งภายในและระหว่างประเทศ สอดคล้องกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของประเทศ 5.1 การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ของไทย รวมทั้งโครงการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค (Regional Connectivity) 5.2 การออกระเบียบและกฎเกณฑ์ภายใต้ พรบ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการ ของรัฐ พ.ศ. 2556 (Public-Private Partnership: PPP) (6) มาตรการส่งเสริมความโปร่งใสและธรรมาภิบาล และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีอากร เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการภาครัฐให้มีความยั่งยืนและเป็นธรรม6.1 การปฏิรูปเงินทุนหมุนเวียน 6.2 แนวทางดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 6.2.1 โครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 6.2.2 โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) 6.2.3 แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Market) และ ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) 6.3 การปรับปรุงการลดช่องโหว่ในการจัดเก็บภาษีอากร 6.3.1 การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีสำหรับกิจการโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนกวดวิชา 6.3.2 การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่ไม่ใช่ นิติบุคคล 6.4 การจัดทำพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 กระทรวงการคลังมีความมั่นใจว่านโยบายและมาตรการเศรษฐกิจต่างๆ จะสามารถช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ลดความเลื่อมล้ำทางสังคมและลดค่าครองชีพของประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว ทำให้ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ในอนาคตต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ