เคเอฟซี รุกขยายสาขาเพิ่มเป็น 800 สาขาในปี 2563 มุ่งมั่นตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมมาตรฐานระดับโลกและการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

ข่าวทั่วไป Tuesday June 2, 2015 16:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง เคเอฟซี ผู้นำธุรกิจเชนร้านอาหารบริการด่วนของไทย ประกาศแผนลงทุนขยายสาขา ปักธงเปิดร้านเคเอฟซีทั่วประเทศครบ 800 สาขาในปี 2563 สร้างงานเพิ่ม 12,000 ตำแหน่ง พร้อมเดินหน้าสู่การขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยความมั่นใจภายใต้ 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การนำเสนอนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มต้องการความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อเสริมทัพการขยายตัวตามเป้า ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำ อันดับ 1 ธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนในประเทศไทย นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซี ประจำประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เคเอฟซีประเทศไทยมุ่งมั่นให้บริการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้รับความไว้วางใจเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 31 ปีที่ผ่านมา เคเอฟซีเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด พันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจกับเรามายาวนาน ทำให้เรามีร้านอาหารเคเอฟซีในประเทศไทยถึง 532 สาขาทั่วประเทศในปัจจุบัน และมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 8% ในปี 2557 สำหรับก้าวต่อไปเคเอฟซีประเทศไทยจะเดินหน้าสู่เป้าหมายในการขยายสาขาให้ครบ 800 ร้านในปี 2563 ด้วยกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม และการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่ม” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เคเอฟซีได้พัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้านเมนูอาหารคาวหวานและการบริการิย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค โดยในปัจจุบันผู้บริโภคหันมามองหาอาหารรสชาติดี มีคุณภาพ และต้องอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการจำหน่าย ภายใต้กลยุทธ์แรกนั้นเคเอฟซีจึงเดินหน้าลงทุนและพัฒนาระบบการให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของเคเอฟซีทุกท่านจะได้เพลิดเพลินกับเมนูอาหารต่างๆ จากเคเอฟซีได้รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้นผ่านช่องทางจัดจำหน่าย 3 ช่องทาง ทั้งการรับประทานที่ร้าน การสั่งกลับบ้าน และการบริการส่งถึงบ้าน สำหรับลูกค้าที่มารับประทานในร้านและสั่งกลับบ้าน เคเอฟซีได้พัฒนากระบวนการเพิ่มความเร็วในการสั่งซื้อและรับอาหาร หรือ SOP (Speed Up Ordering Process) เป็นการนำเทคโนโลยีการรับออร์เดอร์มาตรฐานระดับโลกมาใช้ พร้อมปรับปรุงขั้นตอนและรูปแบบในครัวใหม่ ทำให้การทำและนำส่งอาหารให้ลูกค้าเร็วยิ่งขึ้น โดยระบบ SOP ใหม่นี้ จะทำให้เคเอฟซีสามารถให้บริการลูกค้าได้เพิ่มขึ้นจาก 41 คนต่อชั่วโมงในปัจจุบัน เป็น 83 คนต่อชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งระบบ SOP ไปแล้ว 7 สาขา และวางแผนที่จะขยายไปยังร้านค้าทั้งหมดภายในสิ้นปี 2558 นี้ นางแววคนีย์กล่าวเสริมว่า “เคเอฟซียังได้เร่งขยายสาขาในรูปแบบไดรฟ์ทรูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในทำเลที่ผู้บริโภคมีความต้องการความสะดวกและรวดเร็วสูง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์การรับประทานอาหารรูปแบบใหม่ๆ และมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความเร่งรีบ โดยในปี 2558 เคเอฟซีได้เปิดสาขาในรูปแบบไดรฟ์ทรู 10 สาขา และจะเร่งเปิดให้ครบ 100 สาขาในปี 2563” ในส่วนสุดท้ายของการนำนวัตกรรมใหม่มานำเสนอ คือการพัฒนาในส่วนเดลิเวอรี่ของเคเอฟซี ซึ่งเป็นบริการที่สร้างยอดขายให้กับเคเอฟซีถึง 9% ของยอดขายโดยรวม และมีการเจริญเติบโตอยู่ที่ 11% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดย 36% ของยอดขายเดลิเวอรี่มาจากการสั่งซื้อออนไลน์ และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นวิธีการสั่งซื้อที่สะดวกและมีการใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ล่าสุดเคเอฟซีจึงได้พัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซการสั่งซื้อออนไลน์ เพื่อเติมเต็มการให้บริการเดลิเวอรี่ของเคเอฟซี ซึ่งปัจจุบันมีการให้บริการเดลิเวอรี่คลอบคลุมอยู่ถึง 231 สาขา กลยุทธ์ที่สองที่เคเอฟซีจะเดินหน้าต่อไปนั้น คือการสร้างแบรนด์ให้เติบโตไปพร้อมกับการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพราะเคเอฟซีเชื่อว่าการมีพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีเป้าหมายในการร่วมสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งร่วมกันนั้น คือกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจให้เติบโต ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่ผ่านมา เคเอฟซีประเทศไทยได้เติบโตอย่างประสบความสำเร็จมาพร้อมกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด พันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจกับเคเอฟซีประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และเพื่อรองรับแผนการรุกขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดดที่วางไว้นั้น เคเอฟซีประเทศไทยจึงจะมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่ม เพื่อเสริมทัพร่วมขับเคลื่อนแผนพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง “การผนวก 2 กลยุทธ์ การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง จะช่วยสร้างแบรนด์เคเอฟซีให้แข็งแกร่งครองใจผู้บริโภค และตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนในประเทศไทยต่อไป” นางแววคนีย์กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ