กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
· เครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ ขนาด 1.0 ลิตร ของฟอร์ด ได้รับรางวัล "เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมขนาดต่ำกว่า 1.0 ลิตร ประจำปี 2558" โดยคว้ารางวัลจากงานเป็นเวลาติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน
· เป็นเครื่องยนต์ที่โดดเด่นในด้านให้ความราบรื่นในการขับขี่ มอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ การออกแบบที่ลงตัว และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทั้งนี้ฟอร์ดกำลังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าเทคโนโลยีระบบหยุดการทำงานของกระบอกสูบเพิ่มเติมเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ เบนซินขนาดเล็ก อีโค่บูสท์ของฟอร์ด ที่เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนรถฟอร์ดในที่ต่างๆ ทั่วโลก ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นทั้งในด้านสมรรถนะอันเหนือชั้นและการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ โดยสามารถคว้ารางวัลจากงานประกวดเครื่องยนต์นานาชาติยอดเยี่ยม ปี 2515 (International Engine of The Year) เป็นรางวัลที่ 8 ภายในระยะเวลา 4 ปี
เครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ของฟอร์ดได้รับรางวัลประเภท "เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมขนาดต่ำกว่า 1.0 ลิตร" เป็นครั้งที่ 4 จากคณะกรรมการซึ่งเป็นนักข่าวสายรถยนต์รวม 87 คนจาก 35 ประเทศ โดยได้รับรางวัลจากคุณสมบัติด้านความราบรื่นในการขับขี่สมรรถนะที่เหนือชั้น ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ การออกแบบที่ลงตัว และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย โดยในปีที่แล้วเครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ขนาด 1.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์แรกที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับนานาชาติติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน และได้ยังรับรางวัล "เครื่องยนต์ใหม่ที่ดีที่สุด" ในปี 2555
รถยนต์ฟอร์ดในประเทศไทย ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ขนาด 1.0 ลิตร ได้แก่ ฟอร์ด เฟียสต้า อีโค่บูสท์ เทอร์โบ และอาจมีการติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต และในขณะนี้ ฟอร์ดกำลังค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาระบบหยุดการทำงานของกระบอกสูบเพิ่มเติมเพื่อมอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"เครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ ขนาด 1.0 ลิตรได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเครื่องยนต์เบนซิน และฟอร์ดมีความภูมิใจกับมันเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรายังสามารถรักษาความเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดแม้จะมีคู่แข่งรายใหม่ๆ เกิดขึ้นในตลาดก็ตาม" มร. โจ บาเคจ รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฟอร์ดในยุโรป กล่าว "ความมุ่งมั่นในการค้นคว้านวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์และผลิตเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดได้จริง และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป"
ฟอร์ดกำลังร่วมมือกับทีมวิศวกรของ แชฟเฟลอร์ กรุ๊ปเพื่อทดสอบระบบล้อตุนกำลังคู่แบบใหม่ ที่จะช่วยหยุดการทำงานของกระบอกสูบในช่วงกว้างของการทำงานและสปีดของเครื่องยนต์ พร้อมยังช่วยลดเสียง ลดการสั่นสะเทือน และความหยาบกระด้างลง และจากการทดสอบการขับขี่บนท้องถนนด้วยเครื่องยนต์ต้นแบบนี้ที่ศูนย์การวิจัยและนวัตกรรม European Research and Innovation Centre ณ เมืองอาเคิน ประเทศเยอรมนี แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีใหม่นี้จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์*
"สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือ การพัฒนาระบบเผาไหม้เครื่องยนต์เพื่อให้รถยนต์มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องต่อไป" มร.คาร์สเตน เวเบอร์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบเครื่องยนต์ ฟอร์ดยุโรป กล่าว
เครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ขนาด 1.0 ลิตร ผลิตขึ้นที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ที่เมืองไครโอวา ประเทศโรมาเนีย และที่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน และมีจำหน่ายใน 72 ประเทศทั่วโลก ก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์ดังกล่าวได้รับรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วหลายรางวัล อาทิ รางวัล International Paul Pietsch Award 2013 สาขานวัตกรรมด้านเทคโนโลยี จากประเทศเยอรมนี รางวัล Royal Academy of Engineering Colin Campbell Mitchell รางวัล Dewar Trophy จากราชยานยนต์สโมสรในประเทศอังกฤษ และรางวัล Breakthrough Award จากนิตยสาร Popular Mechanics ในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ทั้งนี้ ฟอร์ด ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ชนะรางวัล 1 ใน 10 เครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ Ward Auto จากเครื่องยนต์แบบ 3 สูบนี้ อีกด้วย
ฟอร์ดได้ผลิตเครื่องยนต์ตระกูล อีโค่บูสท์อันทรงพลังขนาดต่างๆ ทั้งเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1.6 ลิตร 2.0 ลิตร และ 2.3 ลิตร เครื่องยนต์ แบบ V6 ขนาด 2.7 ลิตร และ 3.5 ลิตร โดยเครื่องยนต์แบบหลังสุดได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับติดตั้งในรถ ฟอร์ด จีที รุ่นใหม่ ที่จะใช้ลงแข่ง ณ สนาม เลอ ม็องส์ ประเทศฝรั่งเศสในปี 2559
"เครื่องยนต์ อีโค่บูสท์ขนาด 1.0 ลิตร ของฟอร์ด คือหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของเทคโนโลยีการลดขนาดเครื่องยนต์" มร. ดีน สลาฟนีช ประธานร่วมของการจัดงานมอบรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมนานาชาติครั้งที่ 17 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี และบรรณาธิการนิตยสาร Engine Technology International กล่าว "เครื่องยนต์แบบ 3 สูบที่ยอดเยี่ยมแสดงให้เห็นว่า เรายังสามารถพัฒนาระบบเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้นต่อไป"