กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
ฟอร์ดเปิดตัวเทคโนโลยีกล้องภายในรถยนต์ใหม่เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทุกองศารอบๆ รถแม้ในบริเวณจุดบอดที่ตามองไม่เห็น ทั้งยังช่วยลดความตึงเครียดของผู้ขับขี่และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
ฟีเจอร์กล้องแบบแยกมุมมอง (split-view) ภายในรถยนต์ฟอร์ด ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพการจราจรและสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่อาจเข้ามาขวางเส้นทางวิ่งของรถโดยการแสดงภาพ 180 องศาทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของรถ นับเป็นตัวอย่างล่าสุดที่ฟอร์ดได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกล้องเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์กล้องแบบแยกมุมมองจะแสดงภาพวิดีโอแบบเรียลไทม์จากเลนส์มุมกว้างความละเอียด 1 เมกะพิกเซลที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจังหน้าและกันชนด้านท้ายของรถ หน้าจอแสดงผลแยก 3 ส่วน (tri-panel) ความกว้าง 8 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งกีดขวางกำลังเคลื่อนที่อยู่บริเวณด้านข้างหรือด้านหลังของรถ ฟีเจอร์กล้องแบบแยกมุมมองดังกล่าวจะทำงานเมื่อกดปุ่มและจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 6.2 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ฟอร์ดวางแผนเปิดตัวฟีเจอร์กล้องแบบแยกมุมมองในฟอร์ด เอดจ์ รุ่นปี 2015 และในฟอร์ด เอ็กซ์พลอเรอร์ รุ่นปี2016 เริ่มที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะได้รับการติดตั้งในรถยนต์ฟอร์ดเอนกประสงค์เกือบทุกรุ่นทั่วโลกภายในปี 2020
ฟอร์ดเตรียมติดตั้งกล้องภายในรถยนต์รุ่นต่างๆ
ฟอร์ดวางแผนติดตั้งกล้องมองหลังตามมาตรฐานภายในรถยนต์นั่งขนาดเล็กในทวีปอเมริกาเหนือภายในปี 2018และจะดำเนินการติดตั้งกล้องหน้าภายในรถยนต์ฟอร์ดส่วนใหญ่ตามจำนวนภายในปี 2020 ซึ่งหมายความว่าฟอร์ดวางแผนที่จะติดตั้งเทคโนโลยีกล้องภายในรถยนต์จำนวนกว่าสองล้านตัวต่อปี
ฟอร์ดจะติดตั้งเทคโนโลยีกล้องที่ล้ำสมัยที่สุดในฟอร์ด ซูเปอร์ ดิวตี้
ฟอร์ดประกาศว่ารถในกลุ่มซูเปอร์ ดิวตี้ ของฟอร์ด จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีกล้องที่ทันสมัยที่สุด โดยจะช่วยเสริมกับการทำงานของระบบรักษาช่องทางการขับขี่ (lane-keeping assistance) และช่วยมอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นสำหรับการขับขี่รถกระบะและรถบรรทุกอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
รถในกลุ่มซูเปอร์ ดิวตี้ ของฟอร์ด จะมาพร้อมกับกล้องมากถึง 7 ตัวที่จะเป็นเทคโนโลยีดิจิตอลใหม่ทั้งหมด เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีกล้องล้ำสมัยในอุตสาหกรรมยานยนต์ของฟอร์ด ทั้งยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้เพียงลำพังและแม้ในบริเวณที่แคบ