วท.หนุนนโยบายนายกฯ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันเป็นวาระแห่งชาติ พาไทยพ้นยากจน เอกชนชม “ดร.พิเชฐ” ปลดล็อคปัญหาเรื้อรังสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ทำกำไรเพิ่มหลายเท่าตัว

ข่าวทั่วไป Monday July 20, 2015 12:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--อพวช. ตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีภาคเอกชนเป็นผู้นำและภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี และสร้างกลไกการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและพัฒนาต่อเนื่องในระยะยาว วันนี้ (17 กรกฎาคม) ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปาฐกถาพิเศษในงาน "Thailand Competitiveness Conference 2015" จัดขึ้นโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association: TMA) ภายใต้หัวข้อ Building Competitiveness Thailand for Sustainability and Inclusiveness ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กล่าวว่า การนำความรู้ไปให้กับประชาชน เป็นเรื่องสำคัญทั้งในภาคสังคมและภาคเศรษฐกิจ ที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ดังตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ? โดย สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กับชาวบ้านในหมู่บ้านลิ่มทอง จ.บุรีรัมย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่มีมานานกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้จัดทำแหล่งเก็บน้ำที่ไม่ต้องขุดลอกตะกอน มีถนนน้ำเดินที่กลายเป็นคลองส่งน้ำเมื่อยามฝนตก อ่านแผนที่ดาวเทียมและวางแผนการบริหารจัดการน้ำได้เอง รวมไปถึงการสร้างบัญชีครัวเรือน สำหรับภาคเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชน รวมไปถึงการให้สิทธิประโยชน์กับเอกชนที่ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา สร้างระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่คุยกับมานานกว่า 10 ปีให้เกิดผล พร้อมจัดทำบัญชีนวัตกรรม และยังเตรียมออกกฎหมายให้ผู้ประกอบการใหม่ได้ "แจ้งเกิด" ทั้งเรื่องของการเข้าถึงแหล่งทุนนวัตกรรม การสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับเอสเอ็มอี การจัดระบบฐานข้อมูลให้ภาคเอกชนเข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานโดยการบูรณาการงานร่วมกับ10 กระทรวง ดร.พิเชฐ ยังได้หยิบยกประเด็นคำถามจากนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์? ที่ตั้งคำถามว่า "เมื่อรัฐให้ทุนพวกเขามาเรียนเข้มข้นแบบนี้ แล้วอยากให้พวกเขาไปทำอะไร?" ซึ่ง รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ตอบโดยให้ตัวอย่างแหล่งงานในโครงการอวกาศแห่งชาติ หรือ National Space Program ที่รัฐบาลกำลังจัดทำแผนระยะยาวเพื่อให้คนไทยสามารถสร้างและส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลกได้ด้วยตนเองในอนาคต รวมถึงอนาคตของศูนย์วิจัยเกิดใหม่ในภาคเอกชน และสรุปประเด็นว่าเด็กไทยมีความสามารถมาก จำเป็นต้องสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ทั้งนี้ ภายหลังการปาฐกถา รมว.วิทยาศาสตร์? ได้อภิปรายร่วมกับ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และนายอนนต์ สิริแสงทักษิณ คณะกรรมธิการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินรายการโดย คุณพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ซึ่งนายอนนต์ ได้ย้ำความสำคัญของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ นายกานต์ ได้ชื่นชมความทุ่มเทของรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในการคลี่คลายปัญหาที่สะสมกันมานานและผลักดันให้เกิดผลได้ในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมได้ยกตัวอย่างผลกำไรของเอสซีจี ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เอสซีจีตั้งเป้าในปีนี้ ที่จะลงทุนด้านนี้ 4,895 ล้านบาท คิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ