เอสซีจีแถลงผลประกอบการไตรมาสที่สองและครึ่งปีแรกของปี 2558 กำไรเพิ่ม ลงทุนอาเซียนรุดหน้า เชื่อมั่นมาตรการรัฐดันเศรษฐกิจกระเตื้อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 29, 2015 17:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--เอสซีจี ผลประกอบการเอสซีจีไตรมาสที่สองและครึ่งปีแรกกำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น แม้ผลการดำเนินงานธุรกิจอื่นในประเทศชะลอตัว แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว เชื่อครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโครงการภาครัฐ ส่วนโครงการลงทุนในอาเซียนรุดหน้าตามแผน เตรียมจ่ายเงินปันผล 7.5 บาทต่อหุ้น นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ในไตรมาสที่สองปี 2558 มีรายได้จากการขาย 113,818 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน มีกำไร 13,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากไตรมาสก่อน จากการดำเนินงานของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก อันเนื่องมาจากการปรับตัวลดลงของราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมัน แม้ว่าการดำเนินงานของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจแพคเกจจิ้งในประเทศยังคงชะลอตัว แต่ก็เริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากโครงการภาครัฐ สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของ ปี 2558 เอสซีจี มีรายได้จากการขาย 223,094 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 24,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนนอกเหนือจากประเทศไทย ซึ่งรวมรายได้จากฐานการผลิตและการส่งออกไปอาเซียน เอสซีจีมีรายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2558 เท่ากับ 25,724 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซียที่ชะลอตัว และการปรับลดลงของราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มีรายได้จากการขาย 49,846 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนร้อยละ 21 จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียนมูลค่า 95,955 ล้านบาท หรือร้อยละ 19 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก มูลค่าสินทรัพย์รวมในอาเซียนมูลค่า 76,811 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีมูลค่า 500,837 ล้านบาท ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สองและครึ่งปีแรกปี 2558 แยกตามรายธุรกิจดังนี้ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่สอง 45,663 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน มีกำไร 2,896 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลงร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน ในครึ่งปีแรกของปี 2558 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 92,744 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 6,454 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่สอง 53,636 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน มีกำไร 9,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 306 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 86 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากมาร์จิ้นในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก เนื่องมาจากการปรับตัวลดลงของราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมัน ประกอบกับธุรกิจมีกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ในครึ่งปีแรกของปี 2558 มีรายได้จากการขาย 101,592 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 14,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 198 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากส่วนต่างราคาและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่สอง 17,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน มีกำไร 764 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลงร้อยละ 13 จากไตรมาสก่อน ในครึ่งปีแรกของปี 2558 รายได้จากการขายเท่ากับ 34,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ มีกำไร 1,642 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น นายกานต์กล่าวว่า "ในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้ความต้องการปูนซีเมนต์ปรับตัวดีขึ้นจากที่ติดลบมาตลอดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปีก่อนจนถึงไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ สำหรับในไตรมาสที่สองของปีนี้ความต้องการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เป็นผลจากโครงการก่อสร้างภาครัฐโตขึ้นร้อยละ 11 และโครงการก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์โตขึ้นร้อยละ 1 จากสัญญาณการฟื้นตัวดังกล่าว เสริมกับการเดินหน้าผลักดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดย่อมของภาครัฐอย่างต่อเนื่องตามแผน เชื่อว่าโครงการภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังกระเตื้องขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น" สำหรับตลาดต่างประเทศในไตรมาสนี้พบว่ามีความต้องการปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะเมียนมา เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 19 และกัมพูชา ร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปูนซีเมนต์ของเอสซีจีเป็นที่นิยมและยอมรับว่ามีคุณภาพสูง สำหรับการดำเนินโครงการลงทุนของเอสซีจีในอาเซียนรุดหน้าตามแผน โดยขณะนี้โรงงานปูนซีเมนต์ในกัมพูชาเริ่มเดินเครื่องในสายการผลิตที่สองแล้ว และโรงงานปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซียจะเริ่มผลิตในปลายปีนี้ ส่วนเมียนมาจะแล้วเสร็จในปีหน้าและสปป.ลาวในปี 2560 เพื่อเร่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอาเซียนได้ทันความต้องการ สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added-HVA) ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เอสซีจีมียอดขายสินค้า HVA 82,408 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับลดลงค่อนข้างมากแม้จะมีปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นสัดส่วนร้อยละ 37 ของยอดขายรวม ขณะที่สินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ตราสินค้า SCG eco value มียอดขาย 59,311 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของยอดขายรวม นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2558 ในอัตรา 7.5 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 9,000 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 27 สิงหาคม 2558 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 10 สิงหาคม 2558 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 13 สิงหาคม 2558 และปิดสมุดทะเบียนรวบรวมรายชื่อเพื่อสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 14 สิงหาคม 2558

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ