UWC ขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจพืชพลังงานครบวงจร ปักหมุดขอนแก่น ปลูกต้นเนเปียร์ 3,500 ไร่ แปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล

ข่าวอสังหา Tuesday August 4, 2015 10:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC ขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจพืชพลังงานครบวงจร ปักหมุดขอนแก่น สร้างฐานปลูกต้นเนเปียร์กว่า 3,500 ไร่ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทและขยายธุรกิจการขายเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั่วภาคอีสาน พร้อมเตรียมแผนขยายพื้นที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ก้าวขึ้นสู่เป็นผู้นำด้านธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล และแปรรูปพืชพลังงานครบวงจร ตั้งแต่การเพาะต้นพันธุ์ การปลูก และการเก็บเกี่ยว จนถึงการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีระดับทันสมัย เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ด้วยการลงทุนในบริษัท พาราไดซ์ กรีนเอนเนอยี่ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท โดย UWC เข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 ซึ่งการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะมุ่งเน้นการแปรรูปพืชพลังงานเพื่อส่งให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลในกลุ่มบริษัทฯทั้งหมด และส่งขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้ทันที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป "หลังจากที่เชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าชีวมวล มีความผันผวนทั้งในด้านราคาและปริมาณที่จัดหาได้ ทำให้โรงไฟฟ้าชีวมวลทั่วประเทศ ต้องปรับเปลี่ยนการการดำเนินธุรกิจทั้งด้านเชื้อเพลิงและด้านเทคนิค ในการผลิตไฟฟ้า ทาง UWC มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและการผลิตไฟฟ้า จึงได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหลัก และขยายธุรกิจด้านพืชพลังงาน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงที่มั่นคงพึ่งพาตนเองได้ และจะขยายธุรกิจตามแผนการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล เพื่อส่งขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลที่กระจายตัวอยู่ทั่วภาคอีสาน" นายพีรทัศน์กล่าว นายพีรทัศน์ กล่าวต่อว่า โครงการที่ขอนแก่นนี้ ได้มีการนำพืชพลังงานมาปลูก และเก็บเกี่ยวมากทำแปรรูปและใช้เป็นเชื้อเพลิงกว่า 3 ปีแล้ว โดยใช้ต้นเนเปียร์ พันธุ์ปากช่อง 1 ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างดี ลักษณะภายนอกคล้ายกับอ้อย ลำต้นใหญ่ เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ต้นโตเต็มที่สูงประมาณ 5 เมตร มีรากฝอยที่แข็งแรง ช่วยในการปรับสภาพดิน ใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ จึงทำให้สามารถเก็บเกี่ยว 4 ครั้งต่อปี ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวต่อเนื่องได้นาน 8-10 ปี "พื้นที่ปลูกปัจจุบันได้ขยายจาก 1,000 ไร่ เป็น 3,500 ไร่ โดยบริษัทฯ ได้มีระบบการจัดการที่ทันสมัย และใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการทั้งระบบ ทั้งการปลูกและเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตดี ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ และสร้างขีดความสามารถในการขยายกำลังการผลิตเพื่อความเติบโตในธุรกิจพืชพลังงานและเชื้อเพลิงชีวมวลต่อไป โดยบริษัทฯจะมีการขยายพื้นที่ปลูกต่อไป ทั้งในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดที่กำลังจะมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทเอง และตามแผนธุรกิจ จะขยายในพื้นที่กลยุทธ์ที่จะสามารถนำพืชพลังงานมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งหรืออัดเม็ด เพื่อสามารถจัดเก็บและจัดส่งได้อย่างสะดวกและนำไปจำหน่ายในเป็นเชื้อเพลิงต่อไป" นายพีรทัศน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ