เคเอฟซีรุกขยายธุรกิจและการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจร้านอาหารในประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday August 7, 2015 18:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง เคเอฟซี ผู้นำอันดับหนึ่ง ธุรกิจเชนร้านอาหารบริการด่วนของไทย ประกาศความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยแผนการลงทุนสอดคล้องกับ 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การนำเสนอนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มต้องการความสะดวกและความรวดเร็วยิ่งขึ้น และการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมทัพการขยายตัวตามเป้า 800 สาขาในปี 2020 นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซี ประจำประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เคเอฟซีมีความเชื่อมั่นในการเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทั้งนี้แบรนด์เคเอฟซียังมียอดขายเติบโตต่อเนื่องโดยในปีที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่คุ้มค่าและการพัฒนาการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มมาโดยตลอด ปัจจุบันเคเอฟซีกำลังดำเนินกลยุทธ์ในด้านการพัฒนานวัตกรรมและการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เคเอฟซีให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เคเอฟซีประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้เคเอฟซียังตอบสนองต่อภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเคเอฟซีลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมด้านสินค้าและบริการใหม่ๆให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาคุ้มค่า ในปี 2015 เคเอฟซีใช้งบลงทุนกว่า 1.8 พันล้านบาทในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า กลุ่มเพื่อนและครอบครัว สำหรับลูกค้าที่มารับประทานภายในร้านและสั่งกลับบ้าน เคเอฟซีได้พัฒนากระบวนการเพิ่มความเร็วในการสั่งซื้อและรับอาหาร หรือ SOP (Speed Up Ordering Process) เป็นการนำเทคโนโลยีการรับออร์เดอร์มาตรฐานระดับโลกมาใช้ พร้อมปรับปรุงขั้นตอนและรูปแบบในครัวใหม่ ทำให้การทำและนำส่งอาหารให้ลูกค้าเร็วยิ่งขึ้น โดยระบบ SOP ใหม่นี้ จะทำให้ภายใน 1 ชั่วโมง เคเอฟซีสามารถให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เคเอฟซีตั้งเป้าติดตั้งระบบ SOP ในร้านให้แล้วเสร็จและวางแผนที่จะขยายไปยังร้านเคเอฟซีทั้งหมดทั่วประเทศในอนาคต เพื่อทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและมีคุณภาพ ส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุดและคาดยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย นางแววคนีย์กล่าวเสริมว่า "แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะสร้างความท้าทายในการดำเนินธุรกิจให้กับเคเอฟซี แต่ผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ กลับเพิ่มความต้องการและนิยมการใช้ชีวิตที่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรวดเร็วต่างๆ จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เคเอฟซีเล็งเห็นและวางเป้าในการเปิดร้านเพิ่มทั้งหมด มากกว่า 40 สาขา ทั้งในรูปแบบไดร์ฟทรู และร้านที่กระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น ปัจจุบัน แบรนด์เคเอฟซี มีสาขาบริการครอบคลุมทั่วประเทศจำนวน 535 สาขา (ณ เดือนกรกฎาคม 2558) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเชนร้านอาหารบริการด่วนที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย กลยุทธ์ที่ 2 คือ การเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทางธุรกิจของแบรนด์เคเอฟซี ตลอดเวลา 31 ปีในการดำเนินธุรกิจ เคเอฟซีภาคภูมิใจที่ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาพร้อมกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจกับเคเอฟซี ประเทศไทยมายาวนาน และตามที่บริษัทฯ ได้ประกาศในเดือนพฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมาว่า เคเอฟซีกำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเพื่อเสริมทัพร่วมขับเคลื่อนแผนพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ในขณะนี้ กระบวนการสรรหาพันธมิตรฯ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งเป็นความลับทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถประกาศแจ้งผู้ที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ได้ในช่วงต้นปี 2016 พันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่จะเป็นผู้ดำเนินงานร้านเคเอฟซีกว่า 130 สาขา แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ75 สาขาและในจังหวัดที่มีศักยภาพของการดำเนินธุรกิจอีก 53 สาขา หลักเกณฑ์ข้างต้นในการคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ของเคเอฟซีนั้น จะต้องเป็นกลุ่มทุนที่มีศักยภาพในการบริหารและดำเนินกิจการร้านเคเอฟซีกว่า 130 สาขา สำหรับพันธมิตรใหม่ที่จะเป็นผู้ดำเนินงานร้านเคเอฟซีในข้างต้นจะได้รับประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจดังนี้ 1) สเกลธุรกิจขนาดใหญ่ – เมื่อได้รับสิทธิ์จากแบรนด์เคเอฟซีอย่างทางการ พันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ของเคเอฟซี จะเป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศไทย 2) พื้นที่ตั้งของร้านเคเอฟซีจะสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงยอดขายที่มีมูลค่าสูง ผลกำไร รวมถึงโอกาสในการลงทุนและผลกำไรตอบแทนจากการเปิดร้านใหม่ในอนาคต 3) พันธมิตรทางธุรกิจใหม่ จะได้รับสิทธิ์เข้ามาดำเนินกิจการและดูแลธุกิจในพื้นที่ที่มีระบบการดำเนินงานที่เข้มแข็ง โดยมีระบบการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว "เคเอฟซีเล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งจะผลักดันให้แบรนด์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับตลาดต่างจังหวัด การพัฒนาและขยายเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจของเคเอฟซีมีโอกาสในการเติบโตสูงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ธุรกิจค้าปลีกยังมีโอกาสเติบโตจากลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย รวมถึงสินค้าและบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น" นางแววคนีย์กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ