WHA โชว์ผลงานไตรมาส 2/58 กำไรโต708% ครึ่งปีหลังลุยขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 20, 2015 11:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/2558 งวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีรายได้รวม 1,621.3ล้านบาท กำไรสุทธิ 226.1ล้านบาท เพิ่มขึ้น 708 % จากการรับรู้รายได้การควบรวมกิจการกับHEMRAJ และการส่งมอบคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ด้านผู้บริหาร “นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร” เดินหน้าพัฒนาให้บริการคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น และเตรียมขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เพียบหนุนรายได้ทั้งปีกว่า 19,000 ล้านบาท นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า – ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมียม เปิดเผยถึงผลการดำเนินไตรมาส 2/2558 งวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,621.3ล้านบาท เพิ่มขึ้น 963.3% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 226.1ล้านบาทเพิ่มขึ้น 708% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตนั้น มาจากการที่บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการของ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ ) แล้วเสร็จ รวมถึงมีการส่งมอบพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น “ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,093.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น595.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ เพราะมีการรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการกับ HEMRAJ และพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 280,120 ตารางเมตรในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงคลังสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะคุณภาพสูง อาทิเช่น คลังสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิและห้องเย็นเป็นต้น อันเป็นผลให้บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าต่อตารางเมตรที่สูงขึ้นโดยระหว่างปีที่ผ่านมา มีการทำสัญญาเช่าคลังสินค้าให้กับลูกค้าแล้วประมาณ 66,000 ตารางเมตร จากเป้าที่วางไว้ทั้งปี 2 แสนตารางเมตร ”นายแพทย์สมยศ กล่าว นายแพทย์สมยศ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2558 ว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าการขยายพื้นที่ไว้200,000ตารางเมตร ซึ่งน่าจะทะลุเป้าแน่นอนเนื่องจากยอดขายมักจะมากในครึ่งหลังของปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาโครงการ Built to Suitคลังสินค้าขนาดใหญ่กับลูกค้าหลายราย ที่ยอมรับแนวคิดการรวมศูนย์ (Consolidation) คลังสินค้าและศูนย์การกระจายสินค้า ว่าเป็นแนวทางที่ดีอย่างยิ่ง เพื่อประหยัดต้นทุนในการขนส่ง ต้นทุนในการจัดเก็บสินค้าและช่วยลดกำลังคนที่ทำงานได้มากอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทฯ ประกอบกับในภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำแบบนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะหันมาสนใจการเช่าอาคารและโรงงานที่มีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิม บริษัทฯ ยังมีการเตรียมขยายธุรกิจออกไปในประเทศแถบอาเซียนมากขึ้น จากเดิมที่มีการเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 20,000 ตาราเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนามซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมขายสินทรัพย์เพิ่ม เข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งเป็นคลังสินค้าให้เช่าประมาณ175,000ตารางเมตร รวมกับการขายทรัพย์สินประมาณ 14,000 ตารางเมตรให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ WHAPF มูลค่ารวมประมาณ4,800 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/2558 นี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะจัดตั้งกองWHABT ซึ่งเป็นกองทรัสต์ประเภทOffice REIT อันประกอบด้วยสำนักงาน SJ Infinite I Business Complex ให้เช่าย่านวิภาวดี-รังสิตและสำนักงานประเภท Built-to-Suit ให้เช่าย่านบางนา พื้นที่รวมกว่า 30,000 ตารางเมตร มูลค่าเบื้องต้น 2,390ล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในเดือนตุลาคมปีนี้ ส่วนสินทรัพย์ของ HEMRAJ มูลค่าประมาณ 8,000 – 9,000 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.โดยได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2558ที่ผ่านมาได้มีมติเกี่ยวกับการขายทรัพย์สินให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ (“กองทรัสต์”) ดังนี้ 1.โครงการอาคาร SJ Infinite I Business Complex ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี-รังสิตจังหวัดกรุงเทพมหานคร 2. โครงการ Bangna Business Complex ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 จังหวัดสมุทรปราการมูลค่ารวมประมาณ 2,390ล้านบาท ดังนั้นในปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินจะเติบโตแบบก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมรายได้ที่เกิดจากแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทเหมราชฯ เข้ากอง REIT รวมกว่า 6,000 – 7,000ล้านบาท จะทำให้รายได้รวมของกลุ่มเติบโตกว่า 19,000 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ