บล.เออีซีมอง SET ไตรมาส 4/58 มีลุ้นเด้ง 100 จุด พุ่งแตะ 1,480 จุด แรงซื้อกองทุน LTF หนุน-รัฐเดินหน้าอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มก่อสร้าง-สื่อสาร-วัสดุก่อสร้าง-ค้าปลีก-เช่าซื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 30, 2015 11:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--IR network บล.เออีซี ปักธง!แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/58 มีโอกาสเด้ง 100 จุด ลุ้นทะยานแตะ 1,480 จุด หลังนักลงทุนคลายความกังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย-แรงซื้อกองทุน LTF ในช่วงปลายปีหนุน-รัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงดัชนีหลุด 1,350 จุด เป็นจังหวะน่าช็อป แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่ม ก่อสร้าง, สื่อสาร, วัสดุก่อสร้างค้าปลีก และกลุ่มเช่าซื้อ นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AECS) เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/58 ยังคงมีความผันผวน จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวลงไปที่ระดับ 1,350 จุด มองว่าเป็นโอกาสของการเข้าลงทุน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี จะมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไหลเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่านักลงทุนน่าจะคลายกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความคืบหน้าการลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานตัวในแดนบวก โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/58 มีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,480 จุด ได้ "แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/58 มีโอกาสที่จะฟื้นตัวในระดับ 100 จุด หากดัชนีปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 1,350+/- ถือเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน" สำหรับปัจจัยบวกที่จะผลักดันตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐใน 3 ประเด็น ได้แก่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (นโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์, นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการยืดชำระหนี้,มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ SME) และแรงซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันในช่วงไตรมาส 4/58 รวมทั้งการชะลอตัวการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ทั้งในเรื่องของระยะเวลาและระดับของการขึ้น, การฟื้นตัวของตลาดค่าเงินโลกหลัง US Dollar ผ่านจุดที่แข็งค่าสุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4/58 บล.เออีซี แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน 5 กลุ่ม ได้แก่ ก่อสร้าง, สื่อสาร, วัสดุก่อสร้าง (Small Cap), ค้าปลีก และกลุ่มเช่าซื้อ ขณะเดียวกันได้ให้น้ำหนักต่ำกว่าตลาดในกลุ่มอาหาร, เกษตรและธนาคาร นอกจากนี้ ปรับกลุ่มบันเทิงและสื่อสิ่งพิมพ์เพิ่มจาก Underweight เป็น Neutral เนื่องจากราคาหุ้นมีการสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว "หุ้น Big Cap ที่เราเลือกเป็น AECS Basket Portfolio ได้แก่ ADVANC, CPALL, KTC, STEC, TPIPLและเลือกหุ้น 5 บริษัทที่เข้าพอร์ตการลงทุนได้แก่ WORK, VNG, KAMART, FORTH, PYLON" นายเกรียงไกร กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ