สหการประมูลรุกหนักตลาดการประมูล อัดงบปรับระบบเล็งขยายฐานลูกค้าใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2015 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--สหการประมูล สหการประมูล ปรับโฉมครั้งใหญ่ เทงบลงทุนพัฒนาระบบไอทีภายใน สร้างฐานข้อมูลที่แข็งแรง เพิ่มความมั่นใจลูกค้า พร้อมเตรียมขยายพอร์ตสินค้า นอกเหนือจากรถยนต์ และจักรยานยนต์ ไปมุ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้น เล็งขยายฐานลูกค้าจากบรรดาไฟแนนซ์ เต๊นท์รถ สู่หน่วยงานราชการ และ ผู้บริโภคทางตรง โดยชูจุดแข็งความเป็นมืออาชีพที่โปร่งใส เป็นกลาง กับระบบการประมูลแบบเปิด นายวรัญญู ศิลา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการประมูลแบบเปิด (Open Auction) รายแรกของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาระบบการให้บริการภายใน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำชัดเจน โดยใช้งบลงทุน ในการพัฒนาระบบไอทีภายในองค์กรโดยบุคลากรของบริษัท ที่มีความพร้อม ซึ่งระบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปีหน้า หลังจากนั้น จะเดินหน้าปรับปรุงระบบการให้บริการหลังการขาย รวมทั้งขยายงานในส่วนอื่นให้เพิ่มขึ้น ระบบไอทีที่พัฒนาขึ้นเอง เป็นการเพิ่มความสะดวกเร็วของการทำงานให้มากขึ้น และยังสามารถลดต้นทุน จากเดิมที่บริษัทใช้ระบบจากประเทศแคนาดา ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเดือนละหลายแสนบาท แต่เมื่อพัฒนาขึ้นมาเองแล้ว จะสามารถลดต้นทุนเหล่านั้นลงได้ รวมทั้งสามารถปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมได้ตรงความความต้องการของลูกค้าและการใช้งานของบริษัทฯ โดยเป้าหมายของการพัฒนาระบบขึ้นใช้เองในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างระบบฐานข้อมูลของบริษัทฯ เพื่อบริหารระบบการทำงาน ลดความซ้ำซ้อนของงานเอกสาร และเพิ่มมูลค่าให้กับฐานข้อมูล ซึ่งจะใช้ควบคู่ไปกับระบบ e - Auction ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลหน้าลาน และผู้เข้าร่วมประมูลออนไลน์ สามารถประมูลพร้อมกัน แบบ real time ปีนี้ บริษัทฯ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการประมูล ทั้งคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz แสดงให้เห็นว่าระบบการทำงานของสหการประมูลมีความโปร่งใส เชื่อถือได้ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ มีความพร้อมในการพัฒนาโปรแกรมการประมูล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ในการประมูล ที่มีการการแข่งขันเพื่อสินค้าไปสู่ราคาที่เหมาะสมได้อย่างแท้จริง ในปีหน้ามีแผนขยายพอร์ตการให้บริการจากเดิมที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงิน มอบหมายให้เป็นบริษัทที่ประมูล รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อสังหาริมทรัพย์, สินค้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินประเภทอื่นๆ มาแล้ว "ที่ผ่านมา ธุรกิจของสหการประมูล จะเติบโตโดยอิงกับเศรษฐกิจขาลง เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่ คือไฟแนนซ์ ที่ทำการยึดรถมาจากผู้ใช้ที่ขาดการผ่อนจ่าย ต่อไปเราต้องดีในธุรกิจขาขึ้นด้วย โดยการต่อจิ๊กซอไปถึงผู้ใช้ที่เป็น End-user ที่สามารถมาซื้อขายผ่านเราได้" นายวรัญญูกล่าวและว่า สหการประมูล จะใช้จุดแข็งที่มี ทั้งระบบการให้บริการที่เป็นธรรม และโปร่งใส ผนวกกับจำนวนคลังสินค้าเก็บทรัพย์สินประมูล ทุกภูมิภาค 26 แห่ง ใน 24 จังหวัด มีสาขาของบรัษัทฯอยู่ 14 จังหวัด เพื่อครอบคลุม และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และที่สำคัญเป็นการลดต้นทุนในการเดินทางอีกด้วย และปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา สร้างตลาดใหม่ๆ ในการประมูล โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดอีกหน่วยงานใหม่ภายใต้ชื่อ "เพื่อนประมูล" ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และช่วยเหลือในการซื้อขายให้กับ ผู้บริโภคทางตรง และเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายสำหรับพ่อค้ารถด้วย นายวรัญญู กล่าวว่า "ลูกค้ารายใหญ่ของสหการประมูล คือ บรรดาไฟแนนซ์ บริษัทลิสซิ่ง พวกเช่าซื้อรถ พวกปล่อยสินเชื่อรถ รถแลกเงิน โดยสินทรัพย์ที่บริษัทจัดทำการประมูล แยกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. รถยนต์ การให้บริการประมูลรถยนต์ถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ 2. รถจักรยานยนต์ มี ซึ่งสัดส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หากนับเป็นจำนวนคัน จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากมูลค่าของรถนยนต์สูงกว่า จึงทำให้สร้างรายได้ให้กับบริษัทมากกว่า และ 3. ทรัพย์สินประเภทอื่นๆ อาทิ บ้าน,ที่ดิน, สินค้าแบรนด์เนม, แฟชั่นลัคชัวรี่, รถซูเปอร์คาร์ ฯลฯ รวมไปถึงโปรเจคพิเศษจากหน่วยงานรัฐ เช่น การได้รับเลือกจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือ National Broadcasting and Telecommunication Commission (NBTC) ให้เป็นผู้ดำเนินการประมูล 4G ก่อนหน้านี้ สหการประมูล มีการประมูลทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว ต่อไปจะมีประมูลทรัพย์สินอื่นๆ โดยไม่ได้จำกัด ตัวสินทรัพย์อาจจะเป็นอะไรก็ได้ เช่นที่ผ่านมา เคยทำหน้าที่ประมูลทรัพย์สินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมศุลกากร ที่มีทรัพย์สินหลากหลายรูปแบบมาก การประมูลทรัพย์สินของโรงแรมที่ปิดกิจการ และอนาคตจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างความโปร่งใส ในการซื้อขายสินทรัพย์ทั้งภาครัฐ และเอกชนให้มากขึ้น ส่วนตลาดเออีซีหรืออาเซียน จะช่วยขยายตลาด จะทำให้การเปลี่ยนมือของทรัพย์สินสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับสหการประมูล อนาคตอาจมีต่างชาติที่ต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ถ้าบริษัทสามารถบริหารจัดการระบบต่างๆ ให้คงที่ เมื่อตลาดเปิด และมีความพร้อม ก็สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าไปเปิดทำการในประเทศต่างๆ เหล่านี้ได้ทันที นายวรัญญู กล่าวอีกว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้หลังหักภาษีแล้ว ประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนปีนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการเติบโตได้ เนื่องจากสภาพตลาดโดยรวมผันผวน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารายได้รวมของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในบางปี โดยบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทประมูล มากกว่า 50% ในขณะที่จำนวนรถยนต์มือสองจากบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ มีประมาณ 2 แสนคันต่อปี จากจำนวนการหมุนเวียนของรถยนต์มือสองในตลาดมีประมาณ 3 ล้านคันต่อปี ดังนั้นตลาดนี้จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ