กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--IR PLUS
ASEFA โชว์ผลงานเลิศปรับเป้ารายได้โต 35-40% จากเดิมตั้งเป้าโต 25-30% มั่นใจผลประกอบการไตรมาส 4/58 มีแนวโน้มเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/58 สาเหตุมีมูลค่างานคงค้างในมือรอรับรู้รายได้ไตรมาสสุดท้ายของปีกว่า 600 ล้านบาท "ไพบูลย์ อังคณากรกุล" เอ็มดี คาดปี 2559 เป็นปีที่งานประมูลภาครัฐและเอกชนจำนวนมากจากโครงการเมกกะโปรเจ็ก ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมทั้ง งานด้านขนส่งมวลชน, โทรคมนาคม Data Center โรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก เป็นต้น ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในการติดตั้งระบบจัดการต่างๆ ล่าสุดรัฐเตรียมประกาศรับซื้อไฟอีก 600 MW จากโครงการสหกรณ์ และโครงการโทรคมนาคมสื่อสาร 4G จะเป็นตัวกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯในทางตรง หนุนรายได้ปี 59 เพิ่มมากขึ้น
นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่ายและติดตั้งผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า โคมไฟและระบบส่องสว่าง งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และงานบริการหลังการขายครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงไตรมาส 4/58 บริษัทฯจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ รวมทั้งมองว่า การเติบโตของโรงไฟฟ้าในไทยจะมีอีกมาก ล่าสุดรัฐเตรียมประกาศรับซื้อไฟอีก 600 MW จากโครงการสหกรณ์ จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯในทางตรง
นอกจากนี้ จากแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะในส่วนภาครัฐ รวมถึงในส่วนของเอกชนที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าบริษัทจะได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน ปัจจุบันบริษัทฯได้งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีเขียวซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท รวมถึงคาดว่าจะประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในการรับงานต่อจากผู้ประมูลด้านขนส่งมวลชน โทรคมนาคม DATA Center จะช่วยเพิ่มงานในมือให้มากขึ้น อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตที่คาดจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการดำเนินงานให้ดีต่อเนื่อง
"บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 35-40% จากปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,704.19 ล้านบาท โดยไตรสาม3/58 ที่ผ่านมา รายได้รวมของบริษัททะลุ 1,800 ล้านบาทแล้ว และบริษัทฯยังมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/58 กว่า 600 ล้านบาท โดยมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ มีความสนใจลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและประเมินมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย" นายไพบูลย์ กล่าว