เอชไอดี โกลบอล แนะเกราะป้องกันการปลอมแปลงอัตลักษณ์บุคคล หลังไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2016

ข่าวทั่วไป Friday January 22, 2016 19:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--ไมเลจ หัวข้อข่าวเด่น ในปี 2016 องค์กรควรปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญและสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจัดหาตัวตนในระบบดิจิตอล (Digital Identity) ที่น่าเชื่อถือจะมีการเพิ่มขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากระบบดังกล่าวจะเป็นวิธีที่สะดวกในการจัดส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างปลอดภัย และในเวลาเดียวกันจะกระตุ้นให้มีการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบและนโยบายการปฏิบัติในระบบรักษาความปลอดภัย การปกป้องข้อมูลส่วนตัวจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ซึ่งจะทำให้องค์กรที่ดูแลในส่วนนี้ หันมาหาแนวทางการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับผู้ใช้บริการ และในขณะเดียวกัน ปกป้องข้อมูลและอัตลักษณ์บุคคล ในกรณีที่บัตรประชาชนหรือบัตรระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ถูกขโมยหรือสูญหาย ปี ค.ศ. 2016 จะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์โลกที่ต้องจารึก เมื่อ 10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปเอเชีย และอยู่ในอันดับ 7 ของโลก ได้รวมตัวเป็น 'ครอบครัวเดียวกัน' โดยการรวมตัวในครั้งนี้ จะส่งผลให้หลายประเทศต่างๆในภูมิภาคอื่นๆเล็งเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจกับภูมิภาคนี้มากขึ้น ซึ่งระบบปกป้องรักษาอัตลักษณ์บุคคลและข้อมูลส่วนตัวจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เอชไอดี โกลบอล ผู้นำระดับโลกทางด้านโซลูชั่นการระบุอัตลักษณ์บุคคลที่มีความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแนวทางป้องกันอัตลักษณ์บุคคลในปี 2016 โดยแนวทางป้องกันดังกล่าว ทางเอชไอดี โกลบอล ได้มีการรวบรวมข้อมูลและอ้างอิงจากประสบการณ์จริงที่ลูกค้าระดับแถวหน้าของโลกในธุรกิจสาขาต่างๆได้พบเจอมาในอดีต ซึ่งรวมถึง โครงการนำร่องต่างๆ ของทางบริษัทที่จัดทำขึ้นมาเอง หรือจากการนำโซลูชั่นที่ผลิตโดยบริษัทฯ มาใช้จริงกับลูกค้าที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และองค์กรต่าง ๆ ที่เป็นผู้บริโภคจริงกระจายอยู่รอบโลก จากมุมมองในเชิงธุรกิจ เอชไอดี โกลบอล ได้เผย 5 แนวทางที่เชื่อว่าจะมีผลกระทบอย่างสูงต่อการบริหารจัดเก็บข้อมูลและการระบุอัตลักษณ์บุคคล บัตรประชาชน และInternet of Things (ioT) หรือ "อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง" 'การที่ภูมิภาคนี้ได้กลายเป็น "Single Common Market" หรือ 'ตลาดร่วม' ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มการพัฒนาในหลายๆด้าน รวมถึงการที่โทรศัพท์มือถือจะมีบทบาทสำคัญในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งทาง เอชไอดี โกลบอล เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยในปี 2016 ในส่วนของโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยนั้น ลูกค้าจะมีความต้องการให้โซลูชั่นดังกล่าวสามารถควบคุมและยืดหยุ่นปรับตัวเข้าได้ง่ายในยุคที่การจัดหาตัวตนในระบบดิจิตอล หรือDigital Identity และ Internet of Things (ioT) เชื่อมต่อกัน' นายสเตฟาน ไวดิ่ง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เอชไอดี โกลบอล กล่าวตบท้าย ในปี 2016 เอชไอดี โกลบอล คาดว่าผู้บริโภคจะหันมาเพิ่งพาเครื่องใช้ที่มีเทคโนโลยีสูง อย่างเช่น สมาร์ทโฟน แทบเลต ฯลฯ มากขึ้น เพื่อสามารถเชื่อมต่อตนเองกับสังคมและโลกภายนอก เพื่อตอบสนองแนวความคิดนี้ ระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่ทันสมัยจึงมีส่วนสำคัญ และควรสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติในอุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีแนวทางป้องกันดังต่อไปนี้ แนวทางที่ 1 โซลูชั่นเพื่อรักษาความปลอดภัยในโทรศัพท์เคลื่อนที่จะถูกนำมาติดตั้งมากขึ้น เนื่องจากสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวสูง ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยจะถูกนำมาติดตั้งอยู่ภายในอุปกรณ์พกพาไร้สาย และจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายและไร้ความกังวล การล็อคออนทางเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมดาวน์โหลดแอพพิเคชั่นและโปรแกรมต่าง ๆ จะทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วแบบไร้ขีดจำกัด และสามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือ แทบเลต และเครื่องคอมพิวเตอร์แลปทอป เทคโนโลยีแบบไร้สาย อาทิ Apple Watch จะถูกนำมาสวมใส่เป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นเครื่องแต่งกาย ซึ่งจะมีการพัฒนามากขึ้นในอนาคต โทรศัพท์มือถือจะต้องสามารถทำงานควบคู่ไปกับเทคโนโลยี RFID เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือในการยืนยันตัวตน แนวทางที่ 2 ผู้ใช้บริการจะให้ความสำคัญในระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ในกรณีนี้จะลดช่องว่างระหว่างการบริหารจัดการและการปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ระบบรักษาความปลอดภัยจะถูกนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมเพื่อให้เข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวัน การยืนยันอัตลักษณ์บุคคลแบบระบบเก่า ๆ จะถูกทดแทนด้วยทางเลือกใหม่ที่ทันสมัยกว่าเดิม แนวทางที่ 3 ระบบปกป้องอัตลักษณ์บุคคลจะไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยแล้ว แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การซื้อของ หรือการสันทนาการ การระบุอัตลักษณ์บุคคลจะถูกพัฒนาไปอีกระดับ โดยผู้ให้บริการจะใช้มาตรการยืนยันและตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลแบบหลายขั้นตอน ซึ่งรวมถึงการนำเทคโนโลยีชีวภาพ หรือ Technology Biometrics มาใช้ ก่อนส่งข้อมูลต่อไปยังเจ้าของธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย แนวทางที่ 4 จะมีการคำนึงถึงการเป็นส่วนตัวในยุคที่มีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ระบบการระบุอัตลักษณ์บุคคลจะขยายจากการระบุบุคคลทั่วไป ไปถึงการระบุสิ่งของพร้อมการยืนยันความถูกต้อง ในเวลาเดียวกัน ยังสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัว รวมถึงอุปกรณ์ การบริการและแอปพลิเคชั่น แนวทางที่ 5 เทคโนโลยีอันทันสมัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตควรมีความสำคัญเทียบเท่ากับนโยบายรักษาความปลอดภัยและการบริหารจัดการที่ดีเลิศ องค์กรผู้ให้บริการควรคำนึงถึงการใช้งานและรวมระบบรักษาความปลอดภัยแบบองค์กรรวม ที่สามารถป้องกันทั้งข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และระบบรักษาความปลอดภัยในตัวอาคาร ซึ่งรวมถึงระบบอินเตอร์เนทไร้สาย (Wifi) นอกเหนือจากการปกป้องการละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ให้บริการควรมีมาตรการควบคุมการโจรกรรมอัตลักษณ์บุคคล โดยข้อมูลที่ถูกลักลอบไปจะไม่สามารถนำมาทำธุรกรรมต่างๆได้อีกต่อไป เทคโนโลยี Seos ของ เอชไอดี โกลบอล ได้วางรากฐานเกี่ยวกับแนวทางป้องกันอัตลักษณ์บุคคลที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นสูงในปี 2016 เพื่อให้องค์กรมีความมั่นใจในการรวบรวมเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ในสมาร์ทโฟนให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น และในเวลาเดียวกัน ผู้ใช้บริการจะสามารถใช้แอพพิเคชั่นหลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพและไร้ความกังวล สำหรับข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับ เอชไอดี โกลบอล สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ ศูนย์ข่าว (Media Center) อ่านบล็อกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของเราได้ที่ Industry Blog ลงทะเบียนเพื่อรับ RSS Feed ชมวิดีโอ และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ เฟซบุ๊ก ลิงค์อิน และทวิตเตอร์
แท็ก อาเซียน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ