Movieข้อมูลภาพยนตร์เรื่อง Deadpool - เดดพูล

ข่าวบันเทิง Thursday February 4, 2016 09:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--MMM Digital Asset DEADPOOL สร้างจากตัวละคร anti-hero แหวกขนบของ Marvel Comics โดยเล่าเรื่องราวความเป็นมาของอดีตเจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษที่ผันตัวมาเป็นทหารรับจ้าง เวด วิลสัน ซึ่งหลังจากเป็นตัวอย่างในการทดลองประหลาดที่ทำให้เขามีพลังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้สวมบุคลิกใหม่โดยใช้ชื่อว่าเดดพูล ด้วยความสามารถที่ได้รับมาใหม่และอารมณ์ขันหม่นมืดแบบแผลงๆ เดดพูลได้ออกไล่ล่าคนที่เกือบทำลายชีวิตเขา ไรอัน เรย์โนลด์ส นักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้างของ DEADPOOL เป็นที่ชื่นชอบของสแตน ลี ตำนานแห่ง Marvel Comics ซึ่งปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในหนังและยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารด้วย "ไม่เคยมีตัวละครไหนเหมือนเดดพูล และไรอัน เรย์โนลด์สก็เล่นเป็นเดดพูลราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อรับบทนี้" ลีกล่าว "ก็เหมือนกับที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์เกิดมาเพื่อเป็นไอออน แมน นอกจากไรอัน คุณนึกภาพคนอื่นมาเป็นเดดพูลไม่ออกเลย" เรย์โนลด์สเปิดรับบุคลิกหลากหลายแง่มุม (ที่ออกจะแผลงๆ) ของตัวละครนี้ "ในโลกคอมิก เดดพูลเป็นคนร่วมสมัยที่สามารถหยิบยกวัฒนธรรมป๊อบมาใช้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด" เขากล่าว "ผมสนใจเขาที่ตรงนี้ล่ะและคุณสมบัตินี้ก็ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ไร้ขีดจำกัดด้วย" เรย์โนลด์สยึดตำแหน่งผู้รับบทเป็นตัวละครคอมิกอันโด่งดังตัวนี้ในเวอร์ชันหนังมานานแล้ว เขามีส่วนร่วมเต็มที่ในการพัฒนาหนังเรื่องนี้จนถึงขั้นตอนการถ่ายทำ โดยระดมสมองร่วมกับผู้กำกับ ทิม มิลเลอร์ และมือเขียนบท เร็ตต์ รีส และพอล เวอร์นิค ("Zombieland") ทิม มิลเลอร์ซึ่งรับงานกำกับหนังยาวเป็นครั้งแรกใน DEADPOOL ระบุว่า "ผมคิดว่าบุคลิกและเอกลักษณ์ในตัวไรอันกลมกลืนไปกับตัวละครนี้ เป็นการจับคู่ได้อย่างลงตัวอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุผลให้ไรอันสนใจเดดพูลมากมาตั้งแต่แรก" "ไรอันมีอารมณ์ขันสูงมาก มีไหวพริบฉับไว และตัวละครนี้ก็แทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในตัวเขา" รีสกล่าว "ในแง่หนึ่งเขากลายเป็น 'Deadpool Police' ของเรา ทุกครั้งที่เราเขียนอะไรหลุดออกจากโทนไปหรือไม่เข้าที่เข้าทาง ไรอันจะบอกว่า 'ผมว่ามันฟังดูไม่เป็นเดดพูลนะ' เรารู้ว่าเขาตัดสินได้ดีที่สุด เพราะไรอันรักงานคอมิกเรื่องนี้ รวมถึงซึมซับวิธีการพูดและอารมณ์ขันของเดดพูลเข้ามาอยู่ในตัว" "เรารักษาความเป็นตัวละครนี้ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เรย์โนลด์สเสริม "โดยใช้แนวคิดที่ว่าเดดพูลรู้ตัวดีว่าเขาเป็นตัวละคร anti-hero ในหนังสือคอมิก มันช่วยให้เรามีอิสระในการเล่าเรื่องนี้ในรูปแบบที่หลุดออกจากกรอบโดยสิ้นเชิง เราครอบครองพื้นที่ซึ่งหนังจากคอมิกเรื่องอื่นๆ ไม่เคยมีหรือไม่สามารถทำได้" เดดพูลเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "Merc with the Mouth" (ทหารรับจ้างช่างจ้อ) ซึ่งก็มีเหตุผลอยู่ "หนังจากคอมิกหลายเรื่องแทบจะทำให้คุณรู้สึกว่าถึงดูหนังได้โดยไม่ต้องได้ยินเสียงก็ยังเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น" รีสกล่าว "เราอยากให้คุณได้ยินเสียงของเดดพูลและความคิดเห็นตลกๆ ของเขา ดังนั้นเราจึงใส่บทพูดเต็มที่ นี่ไม่ใช่หนังประเภทที่ฮีโร่ไม่พูดอะไรเลยนาน 15 นาที ใน DEADPOOL ตัวละครอื่นๆ ไม่มีช่องให้พูดแทรก เพราะเดดพูลทำลายความเงียบด้วยมุขตลกบ้าบอตลอดเวลา" เดดพูลเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ในจักรวาลของ Marvel ฟาเบียน นิซีเอซาและร็อบ ลายเฟลด์สร้างเดดพูลให้มีทัศนคติไม่เหมือนซูเปอร์ฮีโรทั่วไป ด้วยบุคลิกช่างเสียดสีแตกต่างจากฮีโร่ผู้มีคุณธรรมสูงส่งและตัวร้ายในคอมิกเรื่องอื่นๆ ของ Marvel เดดพูลมักปล่อยมุขหมิ่นเหม่และหันมาพูดกับผู้ชมอยู่เสมอ ลายเฟลด์และสแตน ลีชื่นชมผลงานของทีมนักทำหนังในการดัดแปลงตัวละครนี้มาสู่จอใหญ่ "DEADPOOL เต็มไปด้วยแอ็คชัน" ลายเฟลด์กล่าว "ไรอัน, ทิม มิลเลอร์, พอล และเร็ตต์ ขุดสิ่งดีๆ ทั้งหมดในคอมิกตลอดราวสิบปีที่ผ่านมาและสร้างหนังที่ร้อยทุกอย่างเข้าด้วยกัน หนังเดดพูลเรื่องนี้จะรวมเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวฉบับทางการที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า" ผู้กำกับมิลเลอร์สร้างเดดพูลฉบับหนังด้วยเรื่องราวที่แยกออกเป็นส่วนๆ และย้อนเวลากลับไปกลับมา หนังเรื่องนี้คาดเดาไม่ได้เลย แต่ขณะเดียวกันก็ยังเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักทหารรับจ้างช่างพูดรายนี้มาก่อน ความเข้าถึงได้ง่ายของตัวละครส่วนหนึ่งมาจากอารมณ์ขันเพี้ยนๆ "อารมณ์ขันเป็นตัวดึงดูดได้ดีจริงๆ ครับ" เรย์โนลด์สกล่าว "เดดพูลมีมุมมองชีวิตที่สดใสในแง่บวก ถึงแม้ว่าชีวิตเขาค่อนข้างเลวร้ายก็ตาม คือเขามีร่างกายผิดปกติไปจากการทดลองที่ทำให้เขาได้รับพลัง เขายังหาความรักไม่เจอแล้วก็ติดจะเพี้ยนเอามากๆ ด้วย" ผู้กำกับของเรย์โนลด์ก็มีความเป็นเดดพูลอยู่ในตัวด้วยเช่นกัน "ทิมมีมุมมองเย้ยหยันแบบเวด วิลสันอยู่ในตัวเอง" เรย์โนลด์สกล่าว "เขาพูด เคลื่อนไหว และพูดคุยเหมือนกับตัวละครนี้ด้วย ผมคิดว่าสิ่งนี้ช่วยให้ทิมเข้าถึงตัวละครได้ เขาเข้าใจว่าจะสร้างสมดุลระหว่างแอ็คชันมันกระจายและอารมณ์ขันกับความน่าเห็นใจได้อย่างไร เพราะในบางแง่ เวด วิลสันก็เป็นตัวละครที่น่าเศร้า" เพื่อน ศัตรู คนรัก และมนุษย์กลายพันธุ์ ที่จริงแล้วการที่มิลเลอร์เล่าเรื่องนี้บนพื้นฐานความเป็นจริงทำให้ตัวเอกทุกตัวในเรื่องน่าเห็นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวความรักอันน่าสะเทือนใจระหว่างเวดกับวาเนสซา คาร์ลิเซิล ซึ่งตกหลุมรักกันและกันเพราะข้อบกพร่องของอีกฝ่ายมากกว่าที่จะมองว่าข้อบกพร่องเหล่านั้นเป็นปัญหา วาเนสซามีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบากและใช้ชีวิตอยู่กับความเสียใจในสิ่งที่ได้ทำมา เธอเป็นโสเภณีตอนที่เวดพบเธอ และทั้งสองก็เริ่มต้นก้าวสู่เป้าหมายเพื่อการเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม "เราต้องการให้วาเนสซาเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ต้องคอยมีคนช่วย และเมื่อเผชิญปัญหาหนัก เธอจะดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดออกจากตรงนั้นและเป็นขาลุยจริงๆ" เรย์โนลด์สกล่าว "โมเรนา แบคคาริน สวมบทบาทเป็นวาเนสซาได้เป๊ะตั้งแต่แรก" "วาเนสซาแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากตัวละครทุกตัวที่ฉันเคยเล่นมาเพราะเธอเป็นส่วนผสมของความฉลาด เซ็กซี่ เท่ และแกร่ง" แบคคารินกล่าว "เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มผู้ชายได้แต่ก็ยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก เธอเป็นนักสู้ และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นตัวละครหญิงที่แกร่งไม่แพ้ผู้ชายในหนังซูเปอร์ฮีโร่ มีความเห็นของตัวเอง และกล้าหาญ" ศัตรูตัวฉกาจของเดดพูลคืออแจ็กซ์ รับบทโดยเอ็ด สเครน ("The Transporter Refueled") อแจ็กซ์เป็นผู้ออกแบบการแปรสภาพของเดดพูล "เขาควบคุมห้องทดลอง WeaponX และเป็นพวกซาดิสต์" มิลเลอร์กล่าว อแจ็กซ์พึงพอใจที่ได้ทรมานเวดในกระบวนการแปรสภาพเขาให้กลายเป็นเดดพูล (และเปลี่ยนหน้าของเวดให้เต็มไปด้วยเนื้อเยื่อแผลเป็น) อแจ็กซ์ ผู้มีชื่อต้นว่าฟรานซิส (เชื่อได้เลยว่าเดดพูลไม่พลาดที่จะแซวเขาเรื่องนั้นแน่ๆ!) เคยผ่านโครงการเดียวกันกับเวด ตัวร้ายผู้ทรงพลังรายนี้มีความสามารถเรื่องความเร็วและความแข็งแกร่ง รวมถึงการไม่รับรู้ความเจ็บปวดและอารมณ์แบบมนุษย์ อแจ็กซ์ไม่รู้จักความสงสารหรือความเห็นอกเห็นใจ และไม่เคยตะขิดตะขวงใจที่จะลงมือทรมานคนอื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ลูกสมุนและแขนขาของอแจ็กซ์คือแองเจิล ดัสต์ ผู้งามสง่าและมีพลังน่าเหลือเชื่อ เธอทำงานที่อแจ็กซ์หลีกเลี่ยงและรักทุกนาทีที่ได้ทำงานเหล่านั้น "พลังพิเศษของแองเจิล ดัสต์ก็คือการดึงอะดรีนาลีนมาใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งขั้นสุดยอด" จินา คาราโน อดีตแชมป์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมระดับนานาชาติกล่าว "ก็เหมือนม้าที่คุณอยากปล่อยบังเหียนให้หลวมเอาไว้หน่อย ฉันรู้สึกว่าอแจ็กซ์มีบังเหียนอยู่และแองเจิล ดัสต์ก็บอกว่า 'ฉันพร้อมแล้ว จับฉันใส่บังเหียนได้เลย'" บางครั้งมีเส้นแบ่งบางๆ กั้นระหว่างศัตรูกับเหล่า "พันธมิตร" มนุษย์กลายพันธุ์ของเดดพูล ซึ่งได้แก่ Negasonic Teenage Warhead และสิ่งมีชีวิตร่างมหึมาที่มีชื่อว่าโคลอสซัส แม้มีพลังในฐานะหัวรบนิวเคลียร์ที่มีชีวิตซึ่งทำให้ NTW ได้ชื่อซูเปอร์ฮีโร่ที่อาจจะเจ๋งที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ในหลายๆ แง่ NTW ก็เป็นเด็กสาววัยรุ่นหัวกบฏทั่วไป เธอทำตัวเท่กว่าใครๆ เหินห่างเย็นชา และช่างเสียดสี โคลอสซัสเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นจากซีจีโดยสามารถเปลี่ยนผิวหนังให้เป็นเหล็กได้ และใน DEADPOOL เขามารับจ๊อบพิเศษนอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในเหล่า X-Men เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ฝึกสอน NTW หนังเรื่องนี้นำเสนอความสัมพันธ์ที่สนุกและแปลกประหลาดระหว่างเดดพูลกับโคลอสซัส "ตอนผมอ่านเจอว่าโคลอสซัสเป็นเหมือนคนคอยเฝ้าระวังเดดพูล ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกให้เดดพูลล้อเลียน ผมแทบจะตกเก้าอี้" ลายเฟลด์กล่าว "อัจฉริยะสุดๆ! มันช่วยยกระดับโคลอสซัสไปยังจุดที่เขาไม่เคยไปมาก่อน" หนังเรื่องนี้คั่นจังหวะฉากแอ็คชันที่ระดมยิงไม่ยั้งระหว่างตัวละครที่มีพลังมหาศาลด้วยการนำเสนอฉากการตีฝีปากระหว่างเดดพูลกับพนักงานบาร์ วีเซิล รับบทโดยนักแสดงตลก ที เจ มิลเลอร์ ("Silicon Valley") แม้มีคติประจำตัวว่า "เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้งก่อนเสมอ" แต่วีเซิลก็เป็นเพื่อนที่เวดไว้วางใจ วีเซิลเป็นเจ้าของ Sister Margaret's Home for Wayward Girls สถานบริการลับซึ่งบรรดาทหารรับจ้างมาดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ เขายังเป็นคนขายอาวุธผู้เชี่ยวชาญที่ลุ่มหลงอาวุธและเงินตราอีกด้วย มิลเลอร์ชื่นชอบองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ "DEADPOOL เป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยเล่าขานกันมา โดยมีทั้งปืนและดาบ" เขาพูดติดตลก "แถมตัวละครยังรู้ตัวเองดีมากด้วย เดดพูลรู้ว่าเขาอยู่ในหนังสือคอมิก เขารู้กระทั่งว่าตัวเองอยู่ในหนัง เขาทำลายกำแพงที่สี่และหันมาพูดกับคนดู บางครั้งเขาก็ใจร้ายกับคนดูแต่พวกนั้นก็สมควรโดนแล้วล่ะ! ผมชอบมองว่าเขาเป็นคนเสื่อมที่กลับมีพลังฟื้นตัวได้" เดดพูลผ่อนคลายด้วยการอยู่บ้านกับเพื่อนร่วมห้อง บลายด์ อัล หญิงชราตาบอดที่เดดพูลหาเจอทางเว็บไซต์โฆษณา Craigslist นักร้อง/นักแสดง เลสลี อักแกมส์ มารับบทนี้ "อัลเป็นคนที่พึ่งพาตนเอง มั่นใจ ช่างเสียดสี และแข็งแกร่ง แล้วเธอก็สู้กับคนอื่นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ" อักแกมส์กล่าว สองคนนี้ไม่น่าจะมาเป็นรูมเมทกันได้ แต่สุดท้ายทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกัน เป็นความสัมพันธ์แบบแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน "เวดหาเงิน ส่วนอัลก็ดูแลบ้าน ประมาณนั้น" อุกแกมส์กล่าว "เพราะเธอตาบอดและไม่เห็นความผิดปกติของเขา อัลจึงเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ทำให้เดดพูลสบายใจ และเขาก็ไม่วิพากษ์วิจารณ์ และแน่นอนว่าไม่ได้ให้ข้อเสนอพิเศษเรื่องที่พักเพราะเห็นแก่ความลำบากของอัล" ทุกอย่างสนุกดีจนกระทั่งมีคนถูกเสียบด้วยดาบคู่ บางครั้งการเล่าเรื่องราวการผจญภัยของซูเปอร์ฮีโรแหวกขนบก็สร้างบรรยากาศที่ไม่คาดฝันในกองถ่าย สแตน ลี กล่าวว่า "เมื่อคุณได้เห็นทิม มิลเลอร์และไรอัน เรย์โนลด์สทำงานด้วยกัน ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันได้ดีมาก พวกเขามองหนังเรื่องนี้ในทิศทางเดียวกัน ราวกับว่าสองคนนี้กำลังเล่นสนุกกันอยู่และต่างคนต่างก็ทำงานของตัวเองได้อย่างวิเศษ ตอนที่ผมเล่นฉากของผมใน DEADPOOL ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำงานอยู่ พอเล่นเสร็จแล้ว ผมก็พูดว่า "เราจะเริ่มต้นกันเมื่อไหร่' ทิมก็บอกว่า 'งานของคุณเสร็จแล้ว' เขาทำให้งานดูง่ายขนาดนั้นเลยล่ะครับ" ความสนุกสนานขี้เล่นบวกกับท่าทางการเคลื่อนไหวที่เฉียบขาดนับเป็นเอกลักษณ์ในฉากแอ็คชันกึ่งกายกรรมของหนังเรื่องนี้ "เดดพูลมีความยืดหยุ่นคล่องแคล่วมากกว่าตัวละครอื่นๆ ในอาณาจักรของ Marvel" ลายเฟลด์กล่าว "เขาสามารถหย่อนตัวลงในรถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่โดยแทบไม่ต้องคิด จากนั้นก็จัดการศัตรูแกร่งๆ จำนวนเท่ากองทัพย่อมๆ พร้อมกันนั้นก็พูดจาตีฝีปากไปด้วย" เวดเป็นอดีตทหารรับจ้างที่ผ่านการฝึกเชิงยุทธวิธี และพลังของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เขาได้รับมาใหม่ก็ช่วยให้ร่างกายของเขารักษาตัวเองได้ ดังนั้น "จึงเหมือนกับว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้เมื่อพูดถึงการต่อสู้ของเดดพูล" ผู้ประสานงานสตันท์ ฟิลิป ซิลเวรากล่าว "มีแนวทางการต่อสู้ที่ใช้กลยุทธ์เพี้ยนๆ ในสายตาของผู้สังเกตการณ์ ยุทธวิธีการต่อสู้ของเดดพูลดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ในตอนแรก แต่สุดท้ายแล้วคุณก็จะตระหนักว่าวิธีการของเขาใช้ได้ผล!" นักมวยผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลเป็นแรงบันดาลใจให้แนวทางการต่อสู้บางส่วนของเดดพูล ผู้กำกับกองสอง/หัวหน้าผู้ประสานงานสตันท์ ร็อบ อลองโซกล่าวว่า "ตอนเราฝึกกับไรอัน เราได้นำเอาท่าของมูฮัมหมัด อาลีมาใช้ด้วย เป็นที่รู้กันดีว่าอาลีพูดไปด้วยตลอดเวลาระหว่างขึ้นชก และเมื่อเราดูการชกช่วงแรกๆ ของอาลีกับซันนี ลิสตัน, โจ เฟรเซียร์ และจอร์จ ฟอร์แมน เราก็สังเกตเห็นว่าอาลีเป็นตัวอันตรายและดูสบายๆ ไร้กังวล ท่วงท่าที่ไรอันใช้ในการรับบทเดดพูลนั้นเป็นแบบตลกขี้เล่น แต่ในขณะเดียวกันผมเป็นคนถือเป้าล่อให้ไรอัน และผมบอกได้เลยว่าเขาหมัดหนักไม่ใช่เล่นเลย" หัวหน้าฝ่ายวิชวลเอฟเฟ็กต์ โจนาธาน ร็อธบาร์ตเสริมว่า "การเคลื่อนไหวของเดดพูลคล่องแคล่วว่องไว เขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เราจึงอยากให้เขาดูพิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่เราก็ยังต้องการให้แอ็คชันสมจริงสมจัง เราทำเอฟเฟ็กต์เจ๋งๆ ในกองถ่ายและในกล้อง หลังจากนั้นก็จะเพิ่มวิชวลเอฟเฟ็กต์ลงไปให้แอ็คชันน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก เราผลักดันแอ็คชันให้หลุดกรอบออกไปซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้" ในการเผชิญหน้าอันน่าจดจำครั้งหนึ่ง ทหารรับจ้างช่างจ้อกวัดแกว่งดาบประจำตัวของเขาเพื่อสู้กับอแจ็กซ์ซึ่งมีอาวุธเป็นขวานคู่สุดอันตราย "เราออกแบบการต่อสู้แบบผสมผสานในการใช้ดาบคู่" ซิลเวอราอธิบาย "ไม่ใช่การฟันดาบตามรูปแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่เป็นการผสมผสานระหว่างการใช้กลยุทธ์พลิกแพลง เพลงดาบของญี่ปุ่นและจีน รวมถึงการโจมตีแบบคาลี [ศิลปะการต่อสู้ของฟิลิปปินส์] โดยเดดพูลจะต้องคอยโจมตีจุดสำคัญและจุดตายอยู่ตลอดเวลา" การต่อสู้ฉากสำคัญระหว่างมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยกันเองคือการปะทะกันระหว่างโคลอสซัสกับแองเจิล ดัสต์ ซึ่งนับว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง แม้ว่าหนึ่งในคู่ต่อสู้จะได้รับการสร้างขึ้นด้วยซีจีอีกหลายเดือนหลังจากนั้น ในคอมิก X-Men โคลอสซัสสูงเจ็ดฟุตและแข็งแกร่งมาก ดังนั้น "ผมต้องการความยิ่งใหญ่มหึมาและทางเดียวที่จะทำได้ก็คือการใช้ซีจี" มิลเลอร์กล่าว สำหรับมวยคู่เอกระหว่างโคลอสซัสกับแองเจิล ดัสต์ครั้งนี้ จินา คาราโน สนุกที่ได้รับมือกับสิ่งที่จะกลายเป็นภาพซีจี "ฉันไม่เคยสู้กับตัวละครซีจีมาก่อน และนักแสดงส่วนใหญ่ที่ฉันสู้ด้วยก็มีขนาดใกล้เคียงกับฉันหรือไม่ก็สูงกว่าเล็กน้อย" เธอกล่าว "การเคลื่อนไหวทั้งหมดของฉันในฉากนั้นต้องยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากเพื่อผู้ชมจะได้เชื่อว่าแองเจิล ดัสต์แกร่งพอที่จะรับมือกับโคลอสซัสได้" ในแง่เทคนิค โคลอสซัสนับเป็นความท้าทายและโอกาสที่แตกต่าง "เขามีร่างกายที่สะท้อนแสงได้ ดังนั้นเราจึงใช้ระบบกล้องสามมิติถ่ายภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา" ร็อธบาร์ทอธิบาย "จากนั้นเราก็นำภาพทั้งหมดใส่ลงไปบนตัวเขาเพื่อแสดงถึงร่างกายส่วนที่สะท้อนแสง จะต้องสนุกแน่เพราะเรามีหลายฉากที่เดดพูลวิ่งเป็นวงกลมรอบตัวเขาและทำสิ่งที่เหลือเชื่อมากมาย และเราก็ต้องแน่ใจว่าเราไม่ได้แค่จับภาพการแสดงของไรอันในกล้อง แต่ยังได้ถ่ายทอดภาพนั้นออกมาผ่านเงาสะท้อนบนตัวโคลอสซัสด้วย" THE FAULT IN OUR SCARS กวีผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งเคยเขียนเอาไว้ว่า "…ตัวละครผู้ทรงพลังย่อมถูกประทับตราด้วยรอยแผลเป็น" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ใช้กับเดดพูลได้เช่นกัน ใบหน้าที่เสียโฉมของเขาเป็นผลมาจากการทดลองอันเลวร้ายที่เขาได้เผชิญมาใน The Workshop คำพูดที่ใช้อธิบายได้ดีพอกันคือความคิดเห็นจากเพื่อนคู่หูของเขาอย่างวีเซิล "หน้านายดูเหมือน เฟรดดี ครูเกอร์ เหมือนแผนที่ภูมิประเทศรัฐยูทาห์เลยล่ะ" ในกองถ่าย เรย์โนลด์สใส่ชุดสีแดงของเดดพูลเสมือนเป็นเหรียญกล้าหาญ และรับรอยแผลเป็นของเดดพูลมาด้วยความรู้สึกผูกพันและชื่นชม เมื่อเรย์โนลด์สในบทเดดพูลถอดหน้ากากออกเป็นครั้งแรกเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่ผิดเพี้ยน คุณก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ตัวละครนี้ดูมีความเป็นมนุษย์ เพราะถึงแม้บางครั้งเดดพูลอาจทำตัวเสื่อมๆ และโหดร้าย แต่ในฉากนี้เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้น "ไรอันกับผมสนุกกันมากในฉากที่วีเซิลเห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของเวดเป็นครั้งแรก" ที เจ มิลเลอร์ เล่าว "มันดูน่าสยดสยองทีเดียวครับ เป็นเรื่องยากที่ผมจะพูดกับไรอันตอนเขาแต่งหน้าอยู่ เขามักแวะเข้ามาและพูดประมาณว่า "ที เจ ผมเหงาจังเลย ผมอยากมีเพื่อนในกองถ่ายบ้าง" ผมก็จะบอกว่า "ไปให้ไกลๆ เลย หน้านายยังกับแผนที่ไปนรกยังไงยังงั้น" หัวหน้าฝ่ายแต่งหน้า บิลล์ คอร์โซ ทำงานกับฝ่ายสร้างสรรค์ตัวละครเพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยแผลเป็นขึ้นมา "เราทดสอบและออกแบบการเมคอัพอยู่กลายครั้ง เราพยายามสร้างตัวละครซึ่งไม่ใช่แค่คนที่ถูกทำให้เสียโฉมแต่เป็นตัวละครที่เท่และมีเอกลักษณ์" คอร์โซอธิบาย "ผมรู้ว่าเดดพูลที่รับบทโดยไรอันจะมีเสน่ห์และความหยาบกระด้างอยู่ในตัวเอง เรานำเอาใบหน้าของเขามาทำให้ดูแกร่งขึ้นและจับมันมาลองเล่นดู บิดทุกอย่างไปอย่างละนิดละหน่อย เพื่อที่ว่าจะยังคงเป็นไรอันแต่เป็นตัวเขาในอีกรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาและแปรสภาพไป" สุดท้ายคอร์โซได้สร้างชิ้นส่วนซิลิโคนบางๆ ที่มีคุณสมบัติโปร่งแสง เผยให้เห็นกล้ามเนื้อ เลือด และเนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง "ไรอันมีซิลิโคนบางเท่าแผ่นกระดาษอยู่สิบแผ่นบนหัว" คอร์โซอธิบาย "ทีนี้ลองนำมาคูณกับพื้นที่ทั่วร่างกายในฉากการต่อสู้กับเอ็ด สเครนในบทอแจ็กซ์ที่ Workshop ตอนที่ไรอันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เป็นการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมดิบเถื่อน โดยไม่มีการใส่เสื้อผ้าหรือการห่อหุ้มใดๆ ทั้งสิ้น มันจริงจังมากเลยล่ะ!" "…ความรุนแรงและภาษาหยาบคายตลอดเรื่อง เนื้อหาทางเพศ และภาพโป๊เปลือย" นอกเหนือจากการต่อสู้โดยไม่ใส่อะไรเลยของเดดพูลแล้ว ฉากสุดร้อนแรงระหว่างเวดกับวาเนสซา รวมถึงสไตล์การพูดหยาบไม่ยอมหยุดของเดดพูลล้วนส่งผลให้หนังเรื่องนี้ได้รับเรต R "ผมคิดว่าเรต R ช่วยให้เราถ่ายทอดความจริงออกมาอย่างที่ไม่สามารถทำได้ในเรต PG-13" มิลเลอร์กล่าว "ผมคิดด้วยว่านี่เป็นก้าวสำคัญในการขยายขอบเขตของหนังแนวนี้ มีหนังบางประเภทที่จะทำขึ้นมาได้ด้วยเรตนี้เท่านั้น นับเป็นการขยายของเขตของเรื่องราวที่นำมาเล่าได้ในหนังที่ทำจากคอมิก" ขณะที่ทีมงานเตรียมให้ DEADPOOL พร้อมเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 พวกเขาเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการที่หนังอันมีเอกลักษณ์เรื่องนี้จะออกฉาย "ช่วงแรกที่เริ่มมีการทำหนังจากคอมิก มันจะต้องเป็นหนังระดับ 'ปรากฏการณ์' ซึ่งต้องดึงดูดผู้ชมในวงกว้างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" มิลเลอร์กล่าว "DEADPOOL จำเป็นต้องเป็นหนังที่ท้าทายแหกกรอบและเวลานี้ก็เหมาะสมแล้ว หนังแนวซูเปอร์ฮีโรและหนังจากคอมิกมีแนวทางที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะทำหนังแบบนี้ออกมา หนังที่ก้าวข้ามขีดจำกัดให้ไกลออกไปอีก" DEADPOOL อำนวยการสร้างโดยไซมอน คินเบิร์ก ("X-Men: Days of Future Past"), ไรอัน เรย์โนลด์ส และลอเรน ชูเลอร์ ดอนเนอร์ ("X-Men: Days of Future Past") ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ สแตน ลี, จอห์น เจ เคลลี ("Spy"), โจนาธาน คอแม็ค มาร์ติน ("The Change-Up"), อดิตยา ซูด ("The Martian") และมือเขียนบท เร็ตต์ รีส และพอล เวอร์นิค ผู้กำกับภาพ คือ เคน เซง ("Project X") นักออกแบบงานสร้าง คือ ชอน ฮาเวิร์ธ ("Goosebumps") มือตัดต่อ ได้แก่ จูเลียน คลาร์ก, ACE ("District 9") และดนตรีโดย ทอม โฮลเคนบอร์ก ("Mad Max: Fury Road")

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ