กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมพื้นที่ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นซัดฝั่ง 5 จังหวัด รวม 16 อำเภอ 40 ตำบล ได้แก่ นราธิวาส สงขลา นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัดและหน่วยทหารให้การช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัยไปอยู่ในพื้นที่ประสบภัยโดยด่วนแล้ว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 – 4 เมตร มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากคลื่นซัดฝั่งรวม 5 จังหวัด 16 อำเภอ 40 ตำบล ดังนี้ จังหวัดนราธิวาส 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดสงขลา 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด และอำเภอสิงหนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล อำเภอขนอม และอำเภอหัวไทร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปะทิว อำเภอเมืองชุมพร อำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน และอำเภอละแม ทำให้บ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้าง ถนนในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลได้รับความเสียหายจำนวนมาก เรือประมงล่มหลายลำ และเรือขนส่งสินค้าเกยตื้น ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกปฏิบัติการช่วยเหลือและอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมชายฝั่งทะเลไปยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมแจกถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ตลอดจนประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงอ่อนลง ทำให้บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร ปภ. จึงประสาน 9 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยยังคงจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย พร้อมปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ชาวประมงและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและการประกอบกิจกรรมทางทะเล ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎรณ์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นซัดฝั่ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th