ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงินไทย 4 แห่งที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 29, 2016 18:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Ratings) ของธนาคารและสถาบันการเงินไทย 4 แห่งที่เป็นบริษัทลูก (subsidiary) ของสถาบันการเงินต่างประเทศดังนี้ - ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ได้รับการคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'A-(tha)' และ 'AAA(tha)' ตามลำดับโดยแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CIMBSได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ พร้อมกันนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันของ UOBT ที่ 'AAA(tha)' หุ้นกู้ดังกล่าวจะแบ่งเสนอขายเป็นชุด โดยจะมีอายุไม่เกิน 5 ปี และมีมูลค่ารวมไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิในครั้งนี้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการและนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตสนับสนุน อันดับเครดิตของสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งนี้ พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่ เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่า สถาบันการเงินเหล่านี้เป็นธนาคารหรือบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่และกลุ่ม โดย UOBT เป็นบริษัทลูกของ United Overseas Bank Limited (UOB, AA-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), CIMBT เป็นบริษัทลูกของ CIMB Bank Berhad (CIMB) และ CIMBS เป็นบริษัทลูกของ CIMB Securities International Pte (CSI) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมี CIMB Group Holding Berhad เป็นผู้ถือหุ้นระดับสูงสุดของกลุ่ม (ultimate parent) และ MBKET เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Maybank ซึ่งมี Malayan Banking Berhad (Maybank, A-/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) เป็นผู้ถือหุ้นลำดับสูงสุดของกลุ่ม ปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่แสดงให้เห็นได้จากการที่ธนาคารแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดในบริษัทลูกและมีอำนาจควบคุมการบริหารงาน การใช้ชื่อและสัญญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับธนาคารแม่ การเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่มในระดับสูง (integration) และการสนับสนุนที่ผ่านมาในอดีตจากธนาคารแม่ที่ให้แก่บริษัทลูกเหล่านี้ทั้งในด้านการดำเนินงานและการเงิน แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ MBKET สอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารแม่ (Maybank) ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT พิจารณาจากคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่อยู่ในระดับเหมาะสมและความสามารถในการรองรับความเสี่ยงโดยเฉพาะในด้านอัตราส่วนเงินกองทุนและอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ นอกจากนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังได้สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่ค่อนข้างเล็กและผลการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอกว่าธนาคารอื่นในประเทศ ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต –อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ UOBT CIMBT และ MBKET ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของแต่ละบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิของ CIMBT ซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (lower Tier 2) ตามเกณฑ์บาเซล 2 ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT 1 อันดับ โดยความแตกต่างของอันดับเครดิตของหุ้นกู้นี้สะท้อนถึงลักษณะด้อยสิทธิในโครงสร้างเงินทุน(capital structure) ของหุ้นกู้ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตประเภทดังกล่าวของฟิทช์ ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลของ UOB ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT เนื่องจากปัจจุบันถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทยที่ 'A-' อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มอันดับ การปรับลดเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทยน่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT การเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญของ CIMB น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ CIMBT และ CIMBS การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของ Maybank อาจจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ MBKET การปรับลดลงของโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกอาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทลูกถูกปรับลดอันดับ ตัวอย่างเช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือการลดลงของระดับการสนับสนุนทางการเงิน อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารปรับตัวดีขึ้นโดยไม่ได้เป็นผลมาจากการเพิ่มระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ประกอบกับการปรับตัวดีขึ้นของฐานะสภาพคล่องและเงินกองทุนขึ้นมาในระดับที่ดีกว่าเมื่อเทียบธนาคารอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจถูกปรับลดอันดับหากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (เช่น ผลการดำเนินงาน คุณภาพสินทรัพย์และระดับเงินกองทุน) ปรับตัวอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ MBKET น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัท อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ของ UOBT และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ระยะสั้นของ CIMBT อยู่ในระดับสูงสุดของประเทศไทย จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มอันดับ การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT CIMBT และ MBKET อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ของแต่ละบริษัทถูกปรับลดอันดับ ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT น่าจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้: UOBT: - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'A-'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2' - อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ 'bb+' - อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ '1' - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)' -อันดับเครดิตในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (หุ้นกู้ชุดเดิม) คงอันดับที่ 'AAA(tha)' -อันดับเครดิตในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (ที่จะออกใหม่) ให้อันดับที่ 'AAA(tha)' CIMBT: - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA-(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)' - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)' - อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (lower Tier 2) คงอันดับที่ 'A+(tha)' CIMBS: - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA-(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)' MBKET: - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)' - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AA(tha)'

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ