ผลประกอบการ ปตท.สผ. ไตรมาส 1 ปี 2559 กำไรสุทธิ 157 ล้านดอลลาร์ สรอ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 28, 2016 15:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม - กำไรจากการดำเนินงานปกติ 116 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2558 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ลดลงกว่า 10% - ปริมาณการขาย 329,858 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เป็นไปตามแผนที่จะรักษาระดับการผลิต - ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ด้วยเงินสดในมือ (Cash on hand) 3,700 ล้านดอลลาร์ สรอ. นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกของ ปี 2559 ของ ปตท.สผ.และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Profit) 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) เพิ่มขึ้น 103 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากไตรมาส 4 ปี 2558 เนื่องจากบริษัทสามารถปรับลดต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ลงกว่า 10% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน นอกจากนี้ บริษัทได้รับรู้กำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) จำนวน 41 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนสอบทาน 157 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 818 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเงินสดในมือ 3,700 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทมีปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 329,858 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ใน 2559 ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยลดลงเหลือ 35.08 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบจาก 39.18 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี 2558 อย่างไรก็ดี ต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ลดลงเป็น 28.57 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบจาก 35.18 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการมุ่งเน้นลดค่าใช้จ่ายภายใต้โครงการ SAVE to be SAFE ประกอบกับโดยปกติแล้วบริษัทมีกิจกรรมสำรวจและพัฒนาตามแผนงานไม่มากนักในไตรมาส 1 จึงมีผลให้ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในช่วงเวลาอื่น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนต่อหน่วยในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวสูงขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามแผนงาน นายสมพร กล่าวว่า "เพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่ปรับลดซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับราคาขายผลิตภัณฑ์น้ำมันของบริษัท รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่จะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี ปตท.สผ. ได้กำหนดกลยุทธ์ภายใต้ยุทธศาสตร์สามด้าน RESET REFOCUS RENEW" สำหรับยุทธศาสตร์ RESET REFOCUS RENEW มีรายละเอียดดังนี้ RESET ปรับฐานต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน โดยเน้นการสร้าง DNA ของพนักงานทุกคนให้มีจิตสำนึกในเรื่องการลดต้นทุนและการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อสร้างความเป็นเลิศ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก REFOCUS เน้นการลงทุนในพื้นที่ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับโครงการในประเทศโมซัมบิกเพื่อผลักดันให้สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนการลงทุน RENEW กำหนดกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจร่วมกับ ปตท. ในธุรกิจ LNG พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น พลังงานทางเลือก เพื่อสร้างความพร้อมในการเติบโตขององค์กรในอนาคต นายสมพรกล่าวเสริมในตอนท้ายว่า "บริษัทมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะเพิ่มความสามารถของ ปตท.สผ. ให้แข่งขันได้ในเวทีโลก ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ