รมว.พม. ห่วงใยประชาชนที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนพังเสียหายกว่า ๑๐๐ หลังคาเรือน ที่ จ.นครพนม และชื่นชมชายชราวัย ๖๖ ปี พิการเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก แต่สู้ชีวิต หาอาชีพเสริมรับจ้างเด็ดขั้วพริกแห้ง

ข่าวทั่วไป Thursday April 28, 2016 16:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๓๘๕/๒๕๕๗-๒๕๕๙ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ว่า จากกรณีสภาพอากาศร้อนจัด ในพื้นที่จังหวัดนครพนม หลายวันติดต่อกัน ทำให้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวนมาก ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นล้ม บ้านเรือนถูกลมพายุพัดพังเสียหายรวมแล้วกว่า ๑๐๐ หลังคาเรือน ตนมีความห่วงใยประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ทางสังคม ซึ่งได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.นครพนม) ลงพื้นที่สำรวจประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป และกรณีชายชราวัย ๖๖ ปี ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ซีกขวาใช้การไม่ได้ แต่ไม่ย่อท้อหาอาชีพเสริมรับจ้างเด็ดขั้วพริกแห้ง ได้ค่าจ้างวันละ ๕๐-๑๐๐ บาท เพิ่มรายได้ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว ที่จังหวัดสุโขทัย ตนขอชื่นชมในความขยันหมั่นเพียร มีความมุมานะ พยายาม ถึงแม้ร่างกายจะพิการแต่ไม่ย่อท้อและไม่นำมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ซึ่งน่ายกย่องเป็นตัวอย่างที่ดี ของผู้พิการสู้ชีวิต พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีเด็กหญิงวัย ๕ ขวบ ป่วยเป็นโรคชักเกร็งและพิการทางสมองตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาศัยอยู่กับพ่อและแม่วัย ๒๒ ปี ซึ่งผู้เป็นพ่อต้องทำงานรับจ้างหาเงินเพียงคนเดียว ทั้ง ๓ ชีวิตอาศัยในบ้านสภาพเก่าใกล้ผุพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินพาไปรักษา ที่จังหวัดศรีสะเกษ ด้านแม่เด็กหญิงเปิดเผยว่าถึงแม้ลูกจะพิการ แต่ตนเองกับสามีก็รักมากและจะไม่มีวันทอดทิ้งลูก และกรณีหญิงชรารายหนึ่งอายุประมาณ ๖๐ ปีป่วยเป็นโรคมะเร็ง น้ำท่วมปอด สร้างความเจ็บปวดทรมานตลอดเวลา อาศัยอยู่กับสามีแก่ชราตามลำพัง ซึ่งสามีต้องลาออกจากงานเพื่อมาอยู่ดูแลตลอดเวลา ทำให้ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว ทั้ง ๒ ชีวิต อาศัยในเพิงไม้เก่าสภาพทรุดโทรมใกล้ผุพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินรักษา ที่จังหวัดชลบุรี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั้ง ๒ จังหวัด (ศรีสะเกษและชลบุรี) ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมมอบของใช้ที่จำเป็น และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง และดูแลเรื่องการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้เหมาะถูกสุขลักษณะต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ