“ครูน้อย” เปิดใจทั้งน้ำตากลางรายการ “ปากโป้ง”ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว!!

ข่าวบันเทิง Wednesday May 11, 2016 16:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--สถานีโทรทัศน์ช่อง8 กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ถูกชาวโซเชี่ยลพูดถึงกันมาตลอด สำหรับเรื่องราวของ "บ้านครูน้อย" ชื่อนี้หลายคนรู้จักกันดี เพราะเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านครูน้อย เพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีฐานะยากจน ให้มีโอกาสทางการศึกษา และมีสิทธิที่จะรับการศึกษาภาคบังคับเท่าเทียมกับเด็กอื่น ๆ ซึ่งครูน้อยรับภาระค่าเช่าบ้าน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีที่นอน และหลายครั้งที่ครูน้อยประกาศว่าจะปิดบ้านครูน้อย เนื่องจากรับภาระค่าใช้จ่ายและปัญหาหนี้สินไม่ไหว แต่ก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด จนล่าสุดเมื่อเวลา 11.15 น. วันนี้ ( 9 พ.ค 2559) คุณนวลน้อย ทิมกุล หรือ "ครูน้อย" ได้เดินทางมากับ "น้องบุ๋งกี๋" เด็กที่เคยมาอยู่กับครูน้อยตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงในรายการ "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 กดหมายเลข 27 ที่มี "หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย" และ "หนิง – ปณิตา ธรรมวัฒนะ" เป็นพิธีกร ถึงเรื่องที่ปิดบ้านครูน้อยอย่างเป็นทางการ โดยมีสาเหตุมาจากอะไรนั้นไปฟังกัน "เปิดรับเลี้ยง จดทะเบียนอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2523 สมัยก่อนเด็กคนไหนที่อดอยาก ยากจน ก็มาขออยู่ที่นี่ แถวซอยราษฎร์บูรณะ สมัยก่อนก็มีเด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบ มานอนอยู่ เฉพาะเด็กชายนะ เพราะเรามีอาคารเดียว ส่วนเด็กผู้หญิงจะพักอยู่ที่ข้างนอก ซึ่งทางเราก็ส่งเรียนมาเรื่อย ส่งเรียนจนจบปริญญาตรี เราจ่ายหมด ทุกอย่างค่าเรียน ค่าขนม จนทุกวันนี้ก็มีเด็กที่เราส่งเรียนกลับมาหาบ้าง มาเป็นวาระบ้าง เพราะเด็กกำลังก่อร่างสร้างตัว มาวันแม่ วันครู วันปีใหม่ เขาก็จะมาช่วยบ้าง" เอาเงินที่ไหนไปส่งเขา? "ก็ที่เป็นหนี้เป็นสินจนถึงทุกวันนี้ ไปยืมเขามาบ้าง" เด็กที่ครูน้อย คอยส่งเลี้ยงดูอยู่ประมาณกี่คน? "ตอนนี้ครูเลี้ยงเด็กตั้งแต่ปี 2537 คนถึงปีนี้นะคะ 800 กว่าคน กินอยู่ส่งเรียนค่าขนมค่าทุกอย่าง บางคนก็เรียนแค่ป.6" ได้อะไรจากสิ่งที่ครูน้อยทำ? "ความสุขค่ะ ชีวิตครูเป็นชีวิตที่โหยหาความสุขให้กับคน" และครอบครัวครูน้อยไม่ว่าหรือคะที่ต้องเห็นแม่มาทำอะไรแบบนี้ แล้วก็ต้องมาเดือดร้อน? "ลูกครู ตอนเขาเด็ก ๆ เขาก็มาช่วยสอนหนังสือ" ความสุขของครูก็คือการที่ครูมาส่งเด็ก ๆ เรียนหนังสือ เงินที่จ่ายออกไปคือเงินของครูเองหรือ? "ก็เงินของสามี สามีของครูเองทำงานตลอดชีวิตเพื่อเก็บเงินไว้ให้ครูกับลูก ของครูเองก็ผลาญเงินเขาไปหมดตั้งแต่ทำบ้าน ไม่ใช่แค่เงิน สิ่งของ เครื่องใช้ แม้แต่เสื้อผ้าของสามี ครูก็เอาไปจำนำ เพื่อจะเอาเงินมาเลี้ยงเด็ก" ในขณะที่ครูลำบากและเดือดร้อน สามีและลูกของครูเองว่าอย่างไรบ้าง? "ตอนแรกคือครูเก็บไม่บอก ไม่แพร่งพรายให้เขารู้ จนมันเป็นข่าวขึ้นมา เขาก็เลยรู้ เขารู้เขาก็สงสารครู ลูกทั้งสองคนของครูก็ไปกู้เงินมา เอาเงินมาโป๊ะหนี้ให้แม่ อย่างเด็ก ๆ ที่มาอยู่แล้วป่วยนี่ครูรักษานะ พาไปโรงพยาบาล ค่าถุงเท้าการเงิน การเรียน ค่าเทอม ค่าหนังสือ ครูรับผิดชอบหมด" ณ วันนี้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของครูเดือนละเท่าไหร่ และเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ เป็นหนี้ใครบ้าง?? "สองแสนบาท เด็ก 65 คน พิการ 5 คน เด็กสมองไม่ปกติ เด็กไฮเปอร์ ฯลฯ แต่อีก 60 คนนี้ปกติ ส่งเด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ตอนนี้ส่งเด็กอนุบาล-ป.6 เพราะพอสูงกว่านั้นเขาก็หางานทำเอง ส่วนหนี้ ก็เป็นหนี้นอกระบบ คือเราไม่มีเงิน ครั้งแรกก็ยืมข้างบ้าน แต่ตอ่ไปเราไม่มีเงินใช้เค้า เราก็เลยต้องหาเงิน จากแหล่งเงินกู้ ทุกวันนี้ก็ยังมีหนีเอยู่ประมาณ 7-8แสน ไม่คิดบ้านที่เป็นหนี้ธนาคารอีก ก็เอาบ้านไปจำนองไว้เพื่อเอาเงินมาจ่ายหนี้" ณ วันนี้ครูน้อยประกาศปิดบ้านครูน้อยแล้ว? "ปิดแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ปิดก็จะเกิดวงจรเก่าขึ้นมา สังคมก็จะด่าว่าอีก ว่าเงินไปไหนหมด เงินที่หมดไปก็หมดไปกับ 65 ชีวิต ก็ต้องใช้จ่าย ใช้กิน สารพัดอย่างไปทุกวัน แล้วที่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ให้เงินมาเคลียร์หนี้ ครูน้อยเคลียร์หมดหรือยัง "เคลียร์แล้วค่ะ มีหลักฐานทั้งหมด เงินที่ผู้ใหญ่ให้เงินมา 5 แสนบาท ที่ท่านมาช่วยเพราะปี2553 เราประกาศว่ามีหนี้สินเยอะ บอกว่าจะปิดแล้วไม่ไหวแล้ว" ตอนนั้นก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วเงินไปไหน? "เงินนั้นเขายื่นมือมาช่วยใช้หนี้และก็ให้เงินที่จะทำงานต่อมา เงินมันก็เป็นวัฎจักรเพราะมันต้องกินต้องอยู่ พอมีข่าวทีคนก็จขะฮือฮาช่วยที พอมีคนมาช่วยครูก็เอาเงินไปใช้หมุนเวียนในบ้าน ให้เด็กมีเงินใช้ อยู่กิน เรียนหนังสือ และก็ใช้หนี้เก่าที่ยืมมา และที่ประกาศปิดบ้านครูไม่ได้มีเจตนาที่จะต้องการให้คนมาช่วยเหลือนะ แค่อยากจะปะกาศให้คนได้ทราบ ให้เด็กเก่า ๆ ที่จากไปได้ทราบว่าครูไม่ไหวแล้ว" มีคนจะเอาของมาบริจาค แล้วครูน้อยปฎิเสธ? ไม่เคยค่ะ แม้แต่ของเก่า ของมือสอง ครูรับทุกอย่าง เรื่องของบริจาคที่มีคนโทรมาแล้วไม่รับ คือมันก็มีแต่อาจจะเป็นเรื่องของไอศรีม ถ้าเป็นแต่ก่อนตอนที่ยังไม่เป็นข่าวจะมีคนเข้ามาบริจาคเยอะมาก มีแขกเข้ามาเลี้ยงตลอด และถ้าวันไหนมีแขกโทรมาอีก ครูน้อยก็จะบอกกับแขกว่าวันนี้เด็กกินแล้วนะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม เหมือนของกินมันซ้ำ เขาอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเขาโทรมาแต่เราไม่เอา และแขกก็จะเอาของดีดีมาเลี้ยง พวกสปาเก็ตตี้ ครูน้อยก็จะบอกว่าเปลี่ยนอย่างอื่นได้ไหม เพราะเด็กกินไม่เป็น" ที่บอกว่าตอนที่ไม่มีข่าวมีคนเข้ามาบริจาคมากมายแต่พอตอนมีข่าวออกไปคือกลับเป็นว่าไม่มีคนเข้ามาช่วยเหลือเลย เพราะอะไร? เรื่องเงินคือที่มีข่าวว่าครูเอาเงินไปซื้อที่ ซื้อรถป้ายแดงให้ลูก ดาราทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ก่อนไปบ้านครูหมดเลย แต่ตอนนี้ไม่มีเลย มีคุณเก๋ ชลดา คนเดียว ที่มาช่วยเรา ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวว่าเอาเงินบริจาคไปซื้อที่ซื้อรถ ซึ่งครูไม่เคยทำแบบนั้นเลย พอมีข่าวออกไปแบบนั้นทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา จนทำให้ครูไม่มีเงิน เลยเป็นที่มาของหนี้สิน ตอนนี้บ้านครูน้อยปิดหรือยัง? "ปิดแล้วค่ะ แต่เด็ก ๆ ยังอยู่ รอผู้ใหญ่อยู่คือครูต้องการให้ประชาชน คนทั่วไปทราบก่อนวันที่ 15 เพราะว่าวันที่ 16 พ.ค.เด็ก ๆ จะเปิดเรียน ครูไม่มีปัญหาส่งจริง ๆ ถ้ามีคนยืนยันว่ามีคนจะเข้ามาช่วยอีกก็จะปิด เพราะมันไปต่อไม่ได้จริง ๆ" ตอนนี้มีผู้ใหญ่ยื่นมือมาช่วยหรือยัง อยากจะบอกอะไรกับสังคม? "ครูทำเรื่องยื่นไปแล้ว ตอนนี้เขาส่งเรื่องไปทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนให้เข้ามาช่วยเหลือแล้ว รอแค่เขาจะเข้ามาดู ตอนนี้ครูคิดว่าจะขายบ้านหลังนี้ ก็อยากจะขอโทษสังคมที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูล ขอโทษที่ครูต้องปิดบ้าน เหตุผลคือไม่เพียงพอในการใช้จ่าย ต้องเป็นหนี้เป็นสินเขาอีก อยากจะบอกว่าสิ่งที่ท่านให้มา ช่วยเหลือมาเด็กทุกคนได้เต็มที่จริง ๆ แต่ครูอาจจะผิดทีได้นำส่วนหนึ่งไปใช้หนี้บ้าง ส่งดอกบ้าง เพราะว่าเงินที่ครูไปกู้เขามาก็เอามาให้เด็ก ชีวิตครู ตรวจสอบได้ว่าไม่เคยมีอะไรที่ใช้เงินของเด็กเลย นอกจากอาหารการกินที่กินด้วยกัน"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ