นิสสันสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ นิสสัน ลีฟ และ นิสสันอี-เอ็นวี200 เจ๋ง ได้รับเลือกเป็นรถเชิญถ้วยรางวัลยูฟ่า

ข่าวยานยนต์ Wednesday June 15, 2016 18:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--นิสสัน มอเตอร์ • นิสสันสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 100 คัน ระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ ลีก • ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมทั้ง LEAF และ e-NV200 จะร่วมเชิญถ้วยรางวัลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนิสสันร่วมกับพันธมิตร A2A ในการติดตั้งจุดชาร์จไฟความเร็วสูง 17 แห่งในเมืองมิลาน และพื้นที่รอบสนามบิน เพื่อรองรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก • โครงการร่วมมือระหว่าง นิสสัน และ A2A ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของนิสสัน ในการสร้างความยั่งยืน ด้านวิสัยทัศน์แห่งการเคลื่อนที่แบบอัจฉริยะ (Intelligent Mobility) นิสสัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้มลพิษ ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2016 อันทรงเกียรติที่สุดของทวีปยุโรป โดยนิสสัน จะได้นำรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 100 คัน มาอำนวยความสะดวกในการเดินทางของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่จากยูฟ่าฯ รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ และผู้สนับสนุนรายอื่นๆ ระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม ในการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศนี้ รถยนต์ไฟฟ้า รุ่น e-NV200 ซึ่งได้รับออกแบบมาพิเศษ ยังจะได้รับเกียรติ เป็นพาหนะเชิญถ้วยรางวัลชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เพื่อให้เหล่าแฟนฟุตบอลได้ยลโฉม ในช่วงงานเฉลิมฉลอง ที่จัดขึ้น ณ วิหารประจำเมืองมิลาน หรือ ดูโอโม ดิ มิลาโน (Duomo di Milano) ในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม และ ในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม รถยนต์นิสสันลีฟ จะได้รับเกียรติให้เป็นพาหนะในการนำถ้วยรางวัลอันทรงเกียรตินี้ มายังสนาม ซาน ซิโร (San Siro Stadium) และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพาเหรดถ้วยรางวัลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย การประกาศสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ ลีก นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนิสสัน ในการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้มลพิษ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และความมุ่งมั่นก้าวสู่การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ (Intelligent Mobility) ดังที่นิสสันได้ประกาศวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ (Geneva Motor Show) ที่ผ่านมา โดยเฉพาะวิสัยทัศน์สองศูนย์ นั่นคือ มุ่งพัฒนารถยนต์ที่ปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ และ มุ่งลดความสูญเสียจากการอุบัติเหตุบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ ซึ่งมร. การเร็ต ดันส์มอร์ (Gareth Dunsmore) ผู้อำนวยการฝ่ายยานยนต์ไฟฟ้าของนิสสันทวีปยุโรป กล่าวถึงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ ลีก ว่า "การสนับสนุนครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นกับ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งในการแข่งขันฤดูกาลที่แล้ว นิสสันก็ได้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าและจุดชาร์จไฟที่กรุงเบอร์ลิน และในปีนี้ นิสสันก็ได้สนับสนุนอย่างต่อเนื่องที่เมืองมิลาน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนิสสัน ในฐานะของผู้นำของยานยนต์ไฟฟ้าโลก" และเพื่อสะท้อนความมุ่งมั่น ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ (Intelligent Mobility) นิสสันยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ A2A ซึ่งเป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศอิตาลี ในการติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 17 แห่ง โดย 13 แห่งเป็นจุดชาร์จที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งภายหลังจากการแข่งขัน นิสสันได้มอบเป็นของขวัญแก่เมืองมิลานและพื้นที่รอบสนามบิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเมืองอีกด้วย โดยขณะที่ 12 แห่งได้รับการติดตั้งแล้ว และในสัปดาห์นี้จะมีการติดตั้งจุดชาร์จไฟความเร็วสูงเพิ่มอีก 2 แห่ง ณ สนามบินมัลเพนซ่า และอีก 3 แห่ง ณ สนามบินลินาเต้ ทั้งนี้ มร. การเร็ต ดันส์มอร์ (Gareth Dunsmore) ผู้อำนวยการฝ่ายยานยนต์ไฟฟ้าของนิสสันทวีปยุโรป กล่าวเพิ่มเติมว่า "สภาวะอากาศของโลกที่แย่ลง และการเพิ่มจำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งท้าทายอย่างแท้จริงที่เมืองต่างๆ กำลังเผชิญอยู่ รวมถึงมิลานด้วย รถยนต์ที่มีไร้มลพิษจะเป็นทางอออกที่เป็นรูปธรรมของการลดปัญหาดังกล่าว และสถานีชาร์จไฟฟ้าที่สร้างขึ้นโดยในมิลานนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด" นิสสันเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ออกสู่ตลาด ด้วยการแนะนำรถยนต์นิสสัน ลีฟ สู่ตลาดในปี พ.ศ. 2553 ปัจจุบัน นิสสันยังคงเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดตลอดกาลทั่วโลก โดยที่ผ่านมาในปีนี้ นิสสันได้ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์นิสสันลีฟ รุ่นล่าสุด ซึ่งสามารถขับได้ระยะทางที่มากกว่ากว่าเดิมถึง 26 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดยให้ระยะทางการขับถึง 250 กิโลเมตรจากการชาร์ตเพียงครั้งเดียว เหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มเดียวกันรุ่นอื่นๆที่มีอยู่ในตลาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ