กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,322.60-1,335.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM16 อยู่ที่ 22,260 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 140 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,120 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.53 น.ของวันที่ 27/06/16)
แนวโน้มวันที่ 28 มิถุนายน 2559
ชาวอังกฤษโหวตเลือกที่จะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit เป็นประเด็นที่นักลงทุนในตลาดทองคำจับตา และก่อให้เกิดคำถามตามมาถึงสถานการณ์เศรษฐกิจอังกฤษและยุโรปว่าจะชะลอตัวลงมากเพียงใด, การเจรจาต่อรองเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าและการเมืองระหว่างอังกฤษและยุโรปจะสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็วหรือไม่ ขณะที่ความต้องการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงขึ้นอยู่กับความชัดเจนจากคำถามดังกล่าว ซึ่งหากสถานการณ์ผันผวนมากขึ้นก็จะเห็นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา ซึ่งทองคำในฐานะสิทรัพย์ปลอดภัยก็มีโอกาสปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ราคาเฉลี่ยของทองคำสูงขึ้นหลังจาก Brexit ซึ่งจะส่งผลกระทบในระยะที่ยาวนานขึ้นต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยเป้าหมายระยะ 3 เดือนเพิ่มสู่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์,เป้าหมายระยะ 6 เดือนเพิ่มสู่ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ เป้าหมายระยะ 12 เดือนเพิ่มสู่ 1,250 ดอลลาร์ จาก 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่าอังกฤษมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในเวลาหนึ่งปีข้างหน้าเนื่องจากเป็นผลจาก Brexit เห็นได้ชัดว่าสกุลเงินปอนด์ยังคงได้รับแรงกดดันในการซื้อขายช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยดิ่งลงเข้าใกล้จุดต่ำสุดรอบ 31 ปี และเหตุการณ์ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยอมปล่อยให้หยวนร่วงลง โดยงดเว้นจากการเข้าแทรกแซงตลาด หลังจากอังกฤษโหวตเลือกที่จะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit สกุลเงินหยวนดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งเทียบดอลลาร์ในวันจันทร์นี้ ประเด็นดังกล่าวยิ่งกระตุ้นแรงซื้อทองคำจากชาวจีนแทนการถือครองสกุลเงินหยวนหลังจากค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ซึ่งจีนก็เป็นผู้บริโภคทองคำอันดับหนึ่งของโลกในช่วงที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นหากราคาทองคำติดแนวต้านบริเวณ 1,332-1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้อาจเห็นการย่อตัวลงมาสร้างฐาน โดยหากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,306-1,303 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะเห็นการดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,332-1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง และหากสามารถผ่านไปได้จะมีแนวต้านสำคัญถัดไปที่ 1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำรอการอ่อนตัวลงของราคา จึงพิจารณาเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เมื่อราคาทองคำปรับตัวลงมาไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,303 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,291 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และรอขึ้นไปขายทำกำไรจากการที่ราคาทองคำดีดกลับไปทดสอบแนวต้าน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,303 (21,770บาท) 1,291 (21,570บาท) 1,280 (21,380บาท)
แนวต้าน 1,335 (22,310บาท) 1,345 (22,470บาท) 1,358 (22,690บาท)
GOLD FUTURES (GFM16)
แนวรับ 1,303 (21,880บาท) 1,291 (21,680บาท) 1,280 (21,500บาท)
แนวต้าน 1,335 (22,420บาท) 1,345 (22,590บาท) 1,358 (22,810บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999