กรุงเทพฯ--6 ก.ค.--แอบโซลูทพีอาร์
ฮาวาสริเวอร์ออคิด แนะผู้ประกอบการไทยที่เล็งขยายธุรกิจไปตลาดเพื่อนบ้าน เจาะลึก Consumer Insights ศึกษามูลเหตุพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เพื่อวางแผนงานก่อนลุยตลาดเต็มตัว ชี้ไม่ใช่แค่ "รู้เรา" ว่ามีศักยภาพและจุดเด่นด้านใด ยังต้อง "รู้เขา" ว่าลึก ๆ แล้วลูกค้าต้องการอะไร พิสูจน์แล้วจากความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยที่ไปเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ใน CLMV
นายสันติพงศ์ พิมลแสงสุริยา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทฮาวาสริเวอร์ออคิด ผู้ให้ บริการธุรกิจสื่อสารการตลาดในกลุ่ม CLMV เผย ม.ค. - มิ.ย. 59 กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ใน CLMV มีอัตราการตลาดเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6-9% (การเติบโตของภาคธุรกิจรวม) ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามลำดับ
อัตราการเติบโตของแต่ละอุตสาหกรรมนับว่าเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ กล่าวคือ ธุรกิจการท่องเที่ยวและก่อสร้างในพม่า ธุรกิจ logistic ในประเทศลาว ธุรกิจ การก่อสร้างและการนำเข้าสินค้าอุปโภค บริโภค ในกัมพูชา ส่วนธุรกิจอสังหาฯ และการค้าปลีก ในเวียดนาม โดยทุกธุรกิจที่กล่าวมา ยังเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลัง
"หากพิจารณาปัจจัยความสำเร็จของหลาย ๆ ธุรกิจเราจะพบว่านอกจากผู้ประกอบการจะต้องรู้จริงในธุรกิจที่จะเข้าไปเปิดตลาด มีศักยภาพความพร้อมทางด้านความเข้าใจตลาด การวิเคราะห์ผู้บริโภค การเข้าใจระบบภาษี และการมีวิสัยทัศน์ที่ยาวกว่าการหวังผลกำไรระยะสั้น ฯลฯ สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการแต่ละรายต่างให้ความสำคัญอย่างมาก คือการรู้จักลูกค้าของตนเอง รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้บริโภคต้องการอะไร รู้ว่าสินค้าหรือบริการของเราจะเข้าไปตอบความต้องการของเขาได้อย่างไร แน่นอนว่าทุกตลาดย่อมมีการแข่งขัน เพราะมีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้นสิ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือจะทำอย่างไรให้เขาเลือกสินค้าหรือบริการของเรา สิ่งนี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องทำ Consumer Insights วิจัยเก็บข้อมูลเชิงลึก และนำข้อมูลนั้นมาวางแผนการตลาดเป็นลำดับต่อไป"
นายสันติพงศ์ยังได้ยกตัวอย่างผู้ประกอบการไทยที่ประสพความสำเร็จในการสยายปีกไปใน CLMV เช่น เอสซีจี ที่ไปเปิดตลาด ปูนซีเมนต์ในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2449 ปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของประเทศ ได้ผ่านการทำ Consumer Insight และปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย