กรุงไทยมีกำไรจากการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 36,967 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 22, 2016 09:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงไทยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2559 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2558 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนการหักสำรองและภาษีจำนวน 18,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,250 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.16 โดยมีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 8,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.72 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนของภาครัฐ แม้ว่าการส่งออกยังคงซบเซาตามเศรษฐกิจของคู่ค้า สำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2559 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองและภาษีเงินได้จำนวน 36,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,588 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้หลักมาจากดอกเบี้ยสุทธิ รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น จากธุรกรรมบัตรและธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของธนาคารจำนวน 16,218 ล้านบาท ลดลง 160 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.98 โดยธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองจำนวน 16,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,124 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.59 เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อน ทำให้อัตราส่วนเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับร้อยละ 102.66 เป็นไปตามนโยบายในการรักษาระดับไม่ให้ต่ำกว่าร้อยละ 100 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 ธนาคารและบริษัทย่อยมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,973,366 ล้านบาท ลดลง 54,074 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.67 จากสิ้นปี 2558 และมียอดเงินฝากจำนวน 2,081,903 ล้านบาท ลดลง 53,595 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.51 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 94,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 17,846 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.37 ซึ่งมาจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วน ลูกค้า SME และลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้ธนาคารมุ่งเน้นกระบวนการติดตามและปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดูแลคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารอย่างใกล้ชิด ธนาคารมีเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 305,617 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.84 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งคำนวณตามหลักเกณฑ์ Basel III ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 231,763 ล้านบาท และมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของเท่ากับ 225,381 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ