ซัมมิท แคปปิตอลเผยสินเชื่อคงค้างครึ่งปีแรกโต 6.7% มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 22, 2016 09:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ ซัมมิท แคปปิตอลเผยสินเชื่อคงค้างครึ่งปีแรกโต 6.7% มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกเพิ่มศูนย์บริการทั่วประเทศ ดันผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด ตั้งเป้าสินเชื่อคงค้างปีนี้โต 20% แตะ 5 พันล้านบาท ซัมมิท แคปปิตอล ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเครือซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ประเทศ ญี่ปุ่น เผยยอดสินเชื่อคงค้างครึ่งปีแรกเติบโตร้อยละ 6.7 และเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่แตะ 1,800 ล้านบาท ตามอัตราการขยายตัวของตลาดรถจักรยานยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากหลายปัจจัยบวก ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภายในปี 2562 บริษัทฯ ได้เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกโดยมุ่งเน้นขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม 59 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้และจะเพิ่มเป็น 65 จังหวัดภายในปี 2560 นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า รวมถึงปรับปรุงระบบการทำงานและการอนุมัติสินเชื่อให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ตั้งเป้ายอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ณ สิ้นปี 59 แตะ 5 พันล้านบาทหรือขยายตัวร้อยละ 20 นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน บริษัทฯ มียอดสินเชื่อคงค้างเติบโตร้อยละ 6.7 โดยมีปัจจัยหนุนจากสภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ที่ขยายตัว ร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในครึ่งปี 2559 อยู่ที่ 910,020 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มียอดจดทะเบียน 904,278 คัน ทั้งนี้ จำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนแบ่งตามภาค ภาคกลางและภาคตะวันออกยังคงมีสัดส่วนการจดทะเบียนอยู่ในอันดับต้นๆ โดยพบว่าจำนวนรถที่จดทะเบียนในปี 2559 โดยรวม มีจำนวนที่ลดลง ยกเว้นในภาคกลางและภาคตะวันตก โดยกรุงเทพ มหานคร มียอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.9 จาก 166,906 คัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 186,832 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนใหม่ในภาคตะวันตกปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 มาอยู่ที่ 51,663 คันในครึ่งปีแรกจาก 50,583 คันจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่าน่าจะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ประมาณร้อยละ 20 ด้วยยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 5 พันล้านบาท ด้วยมั่นใจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยมีการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้จะขยายตัวได้บ้างเล็กน้อยในระดับร้อยละ 3 ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 พบว่าบริษัทฯมียอดหนี้คงค้างในส่วนเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 600 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายสูงขึ้นร้อยละ 88 และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงร้อยละ 23 ขณะที่ลูกค้าของบริษัทฯ ร้อยละ 50 ยังคงอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 42 อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 8 คือ ภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคเหนือ นายวิชิตกล่าวถึง 6 กลยุทธ์หลัก เพื่อการนำซัมมิท แคปปิตอล ขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งภายในปี 2562 ดังต่อไปนี้ 1. ขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นโดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุม 59 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันสามารถขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมถึง 46 จังหวัดทั่วประเทศ 2. เพิ่มจำนวนผู้ประกอบการ ซึ่งจากการขยายตัวในพื้นที่ใหม่ๆ เช่น ภาคใต้และภาคเหนือ ทำให้บริษัทฯ มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรด้วย จากเดิมมีผู้ประกอบการประมาณ 420 ราย ตอนนี้เพิ่มขึ้นอีก 117 ราย รวมเป็น 557 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 21.81 ของจำนวนผู้ประกอบการที่บริษัทฯ มีอยู่ 3. บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาระบบการอนุมัติสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการอนุมัติที่รวดเร็วและทันต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งปีที่แล้วสามารถอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ภายใน 30 นาที เฉลี่ยได้ร้อยละ 67 ของลูกค้าที่สมัครสินเชื่อทั้งหมด ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทำให้สามารถอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น คือ ภายใน 30 นาที เฉลี่ยได้สูงถึงร้อยละ 87 ของลูกค้าที่สมัครสินเชื่อทั้งหมด 4. ในส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากที่บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะควบคุมให้อยู่ในระดับร้อยละ 1.2 โดยมีการคัดกรองการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีคุณภาพดี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และระบบการตรวจสอบกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะทุจริต และการติดตามทวงถามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันพบว่าบริษัทฯ มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ร้อยละ 1.08 ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าเกณฑ์ที่คาดการณ์ไว้ 5. มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพในงานที่รับผิดชอบ โดยได้ออกแบบหลักสูตรต่างๆ ให้เหมาะสมกับงานแต่ละงาน เช่น งานขาย งานติดตามทวงถามหนี้ หรืองานพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ปัจจุบันบริษัทฯ จัดหลักสูตรเฉลี่ย 6 หลักสูตรต่อเดือน เทียบกับ 4 หลักสูตรในปีที่ผ่านมาเพื่อรองรับจำนวนพนักงานที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย และสุดท้าย 6. บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นว่าจ้างพนักงานในท้องถิ่นเพื่อทำงานในศูนย์บริการในพื้นที่ต่างๆ โดยในครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรทั้งหมดร้อยละ 21.23 หรือสูงขึ้น 158 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 902 คน โดยที่ร้อยละ 76 เป็นการว่าจ้างพนักงานในท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่น ส่งผลให้เศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ขับเคลื่อนไปอย่างยั่งยืน "เหนือสิ่งอื่นใดคือการสร้างบุคลากรให้มีความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า มีการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตของพนักงานตามนโยบาย Work Life Balance ด้วยการจัดกิจกรรม "ซัมมิท รันเนอร์" เชิญชวนพนักงานที่มีอยู่กว่า 902 คนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งสะสมระยะทาง พร้อมรับรางวัลขวัญถุงสำหรับผู้ที่วิ่งได้ตามระยะทางที่บริษัทกำหนดไว้ภายใน 2 เดือน โดยพนักงานจะเลือกเวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัวแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์ในหมู่พนักงานของเราซึ่งเป็นคุณธรรม ที่เรายึดถือในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด" นายวิชิต กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ