กว่าจะมาเป็นเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลก “ZEDERE” ต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ดี พร้อมคุณภาพการันตี

ข่าวบันเทิง Tuesday July 26, 2016 17:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--ทีมเฟิร์น วลีพลิกฟื้นธุรกิจ " ผมมั่นว่าใจธุรกิจไปได้ คุณพ่อทำได้ ผมก็ทำได้ คุณพ่อสอนอะไรให้เราเยอะ ลูกค้าคนไหนไม่ยอมใส่ชื่อแบรนด์บริษัทเรา ให้ตัดทิ้งออกไป เริ่มหาลูกค้าใหม่ เริ่มจากศูนย์ทั้งหมด " นัยธาดากล่าว นับเป็นจุดเริ่มต้นทางธุรกิจ ที่ทำให้ทุกวันนี้ มี "ZEDERE Gallery " จำนวน 826 แห่ง ทั่วโลก มีสาขาทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากมาย นายนัยธาดา นันทน์วิธู กรรมการบริหาร บริษัท ทีมเฟิร์น (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าว่า นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ บริษัท ทีมเฟิร์น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ ZEDERE (เซเดอร์เร่)ได้ก่อตั้งขึ้นมา ภายใต้การบริหารของคุณ กนกชัย เกียรติสมุทรธารา ซึ่งเป็นบิดาของตนเอง นับว่า เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจรุ่นแรกๆ เดิมเป็นธุรกิจที่ทำกันภายในครอบครัว โดยเริ่มจากโรงฟอกหนังเล็กๆ และพัฒนาจนกลายมาเป็นโรงฟอกหนังใหญ่อันดับต้นๆในประเทศไทย เนื่องจากคุณพ่อเรียนจบจากประเทศอเมริกา และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งได้รู้จักกับคนขายน้ำยาเคมีชาวนอร์เวย์ เขาเป็นคนแนะนำให้คุณพ่อ นำเศษหนังที่เหลือ กลับมาทำเฟอร์นิเจอร์ขาย เพราะคนไทยเก่งในเรื่องงานฝีมือในการทำเฟอร์นิเจอร์มาก น่าจะทำเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปด้วย นอกเหนือจากการส่งหนังออกไปอย่างเดียว นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่นั้นมา จุดเริ่มต้นธุรกิจด้านเฟอร์นิเจอร์ของคุณพ่อ เริ่มจากไม่มีฐานลูกค้า และไม่มีความรู้ด้านการผลิตมาก่อน เขาก็แนะนำขั้นตอนการผลิตและหาลูกค้ามาให้คุณพ่อ และคุณพ่อจึงก่อตั้งบริษัท บีเอเอสชี จำกัด ขึ้นมา ประกอบด้วยหุ้นส่วน คนไทย คนนอร์เวย์ และคนอเมริกา ซึ่งหนึ่งในลูกค้าที่เรามี คือ อีเกีย โดยทางอีเกียให้ทางบริษัทฯเป็นผู้หุ้มหนังและเย็บหนัง ที่เป็นสินค้าตัวหนึ่งของเขา โดยจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัทฯ ได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตเก้าอี้ปรับนอน ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และ ประเทศอเมริกา ก็มีเฟอร์นิเจอร์ แบรนด์ La-z-boy เกิดขึ้นพร้อมกัน ในช่วงนั้น ทางประเทศฝั่งตะวันตกจะเน้นเก้าอี้ตัวใหญ่ๆและนิ่มๆ แต่ทางฝั่งยุโรป จะเน้นเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกะทัดรัด เรียบหรู และ เน้นสรีระของผู้นั่ง ราคาเฉลี่ย ตัวละประมาณหนึ่งแสนบาท เนื่องจากทางบริษัทฯเป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านผลิตเครื่องหนัง รวมทั้งมีราคาย่อมเยา แต่มีคุณภาพดี และที่สำคัญยังได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์และอเมริกา มาระยะหนึ่ง ทำให้มีประสบการณ์ ด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์ปรับนอน จึงก่อตั้งบริษัท ทีมเฟิร์น (ไทยแลนด์) จำกัด ขึ้นมา ในปี 1995 เพื่อรองรับการผลิตเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป ในตอนนั้นคุณพ่อ ยังไม่รู้จักการทำแบรนด์ดิ่งมาก่อน จึงทำเก้าอี้ปรับนอน ราคาถูกๆ ที่ทุกคนเข้าถึง จำหน่ายไปก่อน ซึ่งสมัยนั้นเก้าอี้ปรับนอนยังไม่เป็นที่นิยม และได้ทำออกขายในร้านนวด เช่น ร้านนวดฝ่าเท้า ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะมีราคาไม่แพง ตลอดจนร้านอินเตอร์เน็ต ก็นำไปใช้ในร้าน นับว่าเป็นบริษัทแรกๆที่ผลิตเก้าอี้ปรับนอน ออกมาจำหน่าย และได้นำสินค้าเข้าไปขายที่บริษัท อินเด็กซ์ จำกัด และ บริษัท เอสบี จำกัด ต่อมาไม่นานคุณพ่อ ก็มีปัญหาด้านสุขภาพ และเสียชีวิตลง เนื่องจากเป็นโรคมะเร็ง นายนัยธาดา กล่าว เพิ่มเติมว่า จากนั้น คุณกาญจนา เกียรติสุมทรธารา หรือ คุณแม่ ก็เข้ามารับช่วงกิจการต่อ โดยช่วงเริ่มแรกจะเน้นการขายในประเทศไทยก่อน และไม่นานก็มีเอเย่นต์คนญี่ปุ่นมาช่วยขาย และผลักดันสินค้าเข้าไปขายในบริษัทมหาชนในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีมูลค่าส่งออกต่อปี 600 ล้านบาท ถือว่าประสบผลสำเร็จด้านธุรกิจเป็นอย่างมากในช่วงนั้น เริ่มจากมีคนงานไม่กี่คน จนมีคนงานมากที่สุดจำนวน 200 คน และบริษัทฯรับจ้างผลิตต่อไป และติดตั้งแบรนด์ดิ่งให้บริษัทว่าจ้างไปด้วย เป็นเวลากว่า 10 ปี ต่อมาประเทศจีนเริ่มเปิดประเทศ และรัฐบาลจีน เข้ามาสนับสนุน เพราะสินค้ามีราคาถูก ทำให้รายได้ยอดส่งออกของเราลดลงเรื่อยๆ เหลือ 30 ล้านบาทต่อปี คนงานก็ลดเหลือ 20 คน ตัวผม จึงเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว และได้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยหันมาผลิตสินค้าแบรนด์เนม และทำของพรีเมี่ยมจำหน่าย แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่คิดไว้ เพราะลูกค้าเกิดไม่พอใจ เนื่องจากเคยซื้อสินค้าราคาถูก แต่กลับมาซื้อสินค้าราคาแพงแทน เกิดการต่อต้าน ทำให้ขายของไม่ได้ คุณแม่จึงแนะนำให้ปิดกิจการ แต่ด้วยความมั่นใจในธุรกิจว่าไปได้ ผมจึงยืนกรานกับคุณแม่ว่า "คุณพ่อทำได้ ผมก็ทำได้" คุณพ่อสอนอะไรให้เราเยอะ ลูกค้าคนไหนไม่ยอมใส่ชื่อแบรนด์ของบริษัทเรา ให้ตัดทิ้งออกไป เริ่มหาลูกค้าใหม่ เริ่มจากศูนย์ทั้งหมด ในช่วงนั้นเศรษฐกิจโลกไม่ดี ที่ ประเทศออสเตรเลีย สินค้าทุกอย่างขายไม่ดี ยกเว้นสินค้าที่เกี่ยวกับคนสูงอายุกลับขายดี นายเกรย์แฮม แบร์โล่ ซึ่งเป็นคู่ค้าเก่าแก่ของบริษัทฯและมีการติดต่อกันมาตลอดเวลา ซึ่งรู้จักในตัวสินค้าที่ทางบริษัทฯผลิต เดินทางเข้ามาดูสินค้า พบว่า สินค้าของเราพัฒนาไปไกลมาก ทั้งด้านคุณภาพ การปรับปรุงกลไกต่างๆ เช่นเดียวกับแถบในประเทศยุโรป ซึ่งต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจร่วมทุนกับทางบริษัท ทีมเฟิร์น (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมตั้งชื่อแบรนด์สินค้าว่า ZEDERE เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า เชิญนั่ง หลังจากนั้นทางบริษัทฯได้นำสินค้าแบรนด์ ZEDEREเป็นสินค้าใหม่ทั้งหมด และสร้างแบรนด์แบบพรีเมี่ยม ไปออกงานครั้งแรก ที่ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้รู้จักกับนายลาร์ โซโค่ ชาวนอร์เวย์ โดยเขาเป็นผู้ที่แนะนำวิธีการผลิตที่ถูกต้องและแก้ไขข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ต่างๆของเราให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งแนะนำนวัตกรรมใหม่ๆให้กับเรา และแนะนำให้สร้างโรงงานเหล็กและโรงงานไม้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ทำธุรกิจครบวงจร โดยเป็นทั้งผู้รับจ้างผลิต ที่ใส่ชื่อแบรนด์คนอื่น และ ผลิตแบบสำเร็จรูปเป็นของตัวเอง ต่อมาเราก็รู้จักกับหุ้นส่วนของเราอีกคนที่ ประเทศสิงคโปร์ ชื่อ นายแดร์เนียล ซีโฟงค์ เขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการขายเป็นอย่างดี เข้ามาเสริมธุรกิจของเรา และเข้ามาดูแลตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้ธุรกิจของเราดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเขามีกลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่แตกต่างจากที่อื่น โดยมีทั้งลด แลก แจก แถม และขายเป็นเพจเกจ ทำให้คนจดจำสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น รวมทั้งแนะนำให้เราจัดตั้ง Gallery เป็นของตัวเอง เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำแบรนด์ ทุกวันนี้ บริษัทฯของเรามี ZEDERE Gallery จำนวน 826 แห่งทั่วโลก และส่งออก 23 ประเทศทั่วโลก ทำให้แบรนด์ ZEDERE ยอดขายสูงขึ้น และเติบโตเร็วมาก นายนัยธาดา กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ เราประสบผลสำเร็จในธุรกิจระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มั่นคง เพราะยังพึ่งพาตนเองไม่ได้ จึงได้สร้างโชว์รูมขึ้นมา ที่ รัชดา ตั้งชื่อว่า โอเบริ์นโฮม ซึ่งเป็นโชว์รูมแห่งแรกของเรา แต่ประสบปัญหา คือ คนไม่ค่อยเดินเลือกซื้อสินค้า เพราะร้านขายเฟอร์นิเจอร์อย่างเดียว ไม่มีจุดดึงดูดใจ จึงมีแนวคิดว่า จะทำอย่างไรให้มี คนเห็นสินค้าของเราทุกวันและครบวงจรด้วย และมองว่าห้างสรรพสินค้านี้แหละ จะเป็นตัวกลาง หรือ Business Model ที่จะตอบโจทย์ให้เราได้ จึงเปิดโชว์รูปแห่งที่ 2 ที่ เมกาบางนา และเปิดร้านกาแฟร่วมด้วย ชื่อว่า Zedere De Cafe ตั้งอยู่ บริเวณชั้น 1 เนื้อที่กว่า 450 ตารางเมตร หลังจากเรามีโชว์รูมที่ดี ยอดขายของเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อ 2 ปีก่อน ทางบริษัทฯได้จดทะเบียนเปิดสาขาที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ ห้างสรรพสินค้ามารีน่าสแควร์ และมีแผนที่จะเปิดสาขาที่ประเทศอินโดนิเชีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเชีย เพื่อให้ตลาดในแถบนั้นเติบโตตามไปด้วย ส่วนที่เชี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เราก็มีบริษัทคู่ค้า ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของจีน ด้านเฟอร์นิเจอร์ และผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮไฟว์ ที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับเรา แต่ก่อนเราขายสินค้าเป็นตู้คอนเทรนเนอร์ ตอนนี้เราปรับกลยุทธการขายใหม่เป็นรูปแบบโชว์รูมแทน และปัจจุบันเรามีโชว์รูมที่ เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เปิดมาทั้งหมด 7 สาขา และมีแผนพัฒนาให้เติบโตไปเรื่อยๆ ด้านตัวผลิตภัณฑ์ ZEDEREเป็นเฟอร์นิเจอร์เน้นขายนวัตกรรม และความสบาย มีสโลแกนว่า Lasting Comfort แปลว่า ความสบายที่ยั่งยืนนาน เนื่องจากมีนักสรีระศาสตร์มาช่วยออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ZEDEREเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย เสมือนกับคุณได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์หลายๆตัว มารวมอยู่ในตัวเดียว มีนวัตกรรมหลากหลายฟังก์ชั่น นับเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากสินค้าในตลาดทั่วไป ตัวอย่างเช่น รุ่น Sari มาจากคำว่า สรีระ เป็นโซฟาปรับนอน รุ่น Nava มาจากคำว่า นวัตกรรม เป็นรุ่นที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า สั่งการด้วยโทรศัพท์มือถือ รุ่น Sana มาจากคำว่า สำนักงาน เป็นเก้าอี้สบายๆที่ใช้ในสำนักงาน รุ่น Sovo มาจากคำว่า อาวุโส เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยจะได้ ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ