Global Investment – ปัจจัยและแนวโน้มการลงทุนในโลกอนาคต โดย ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ

ข่าวอสังหา Tuesday August 23, 2016 14:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ลีด บิซิเนส Global Investment – ปัจจัยและแนวโน้มการลงทุนในโลกอนาคต โดย ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สถาบัน ลีด บิซิเนส (LEAD Business Institute) ผู้บริหารหลักสูตรผู้นำธุรกิจระดับโลก (Global Business Leaders Program หรือ GBL) ด้วยความร่วมมือของวิทยาลัยอุตสาหกรรมและแรงงานสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (The Industrial Labor Relations School – ILR, Cornell University) ได้รับเกียรติจากดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ Global Investment ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ กล่าวถึงโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว ทำให้ การตัดสินใจลงทุนในตราสาร หรือสินทรัพย์ นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลและปัจจัยต่างๆ โดยคำนึงถึงแนวโน้มในอนาคตเป็นสำคัญ แนวโน้มของเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีในอนาคต การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินและการลงทุนทางเลือกในรูปแบบอื่นๆ 4 แรงขับเคลื่อนที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต แรงขับเคลื่อนแรกคือมีแนวโน้มที่ฐานธุรกิจต่างๆในประเทศพัฒนาแล้วจะย้ายมาสู่เอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน และเกือบครึ่งของอัตราการเติบโตของ Global GDP ระหว่างปี 2010-2025 จะมาจากประเทศต่างๆที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) แรงขับเคลื่อนที่สองคือการเติบโตของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้ธุรกิจสามารถขยายตัวได้ในอัตราที่น่าทึ่งและใช้เงินทุนที่ลดลง แรงขับเคลื่อนที่สามคือการเข้าสู่สังคมที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นแต่อัตราการเกิดลดลง และแรงขับเคลื่อนสุดท้ายคือการเคลื่อนที่ของการค้า เงินทุน แรงงาน และข้อมูลที่มากยิ่งขึ้นทั่วโลก ทำให้ระบบการค้าโลกได้ย้ายจากตลาดใหญ่ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือมาสู่ทวีปเอเชีย ตัวอย่างเทคโนโลยีพลิกโลก (Disruptive Technologies) ในกลุ่มพลังงาน เช่น เทคโนโลยีอันก้าวหน้าในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ อุปกรณ์ในการสำรองพลังงานที่มีขนาดเล็กลงและสามารถจุพลังงานได้มากขึ้น และพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น กลุ่มเกี่ยวข้องกับการผลิตโดยการพิมพ์แบบ 3 มิติจะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและพัฒนาไปได้ไกล กลุ่มระบบอัตโนมัติ (Automation) เช่น เทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูง หรือยานพาหนะไร้คนขับ เป็นต้น และกลุ่มอื่นๆ เช่น Cloud technology, Genomics, Internet of Things และ Mobile internet เป็นต้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงที่แม้มีโอกาสเกิดน้อยมาก (Tail risk) แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลกระทบอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการล่มสลายของEU ความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีและภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา หรือการประกาศลดค่าเงินของประเทศจีน เป็นต้น เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้การบริการทางการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลูกค้าได้รับบริการที่หลากหลายและสามารถเข้าถึงการบริการต่างๆได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของงานบริการในปัจจุบันคือความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากลับมารับบริการอีก ดังนั้น Fintech ซึ่งทำให้ลูกค้าที่เป็นบุคคลหรือธุรกิจสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ทั้งในด้านการชำระเงินออนไลน์ การกู้ยืม การจัดการสินทรัพย์ และการประกันภัย จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ และมีแนวโน้มว่าเงินทุนจากต่างประเทศเพื่อลงทุนใน Fintech จะหลั่งไหลเข้ามาในทวีปเอเชียมากขึ้น การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งบ่งชี้หรือสถานการณ์ต่างๆโดยไม่ประมาท ในสมัยวิกฤตการณ์ทางการเงินพ.ศ.2540 ดร.ก้องเกียรติ ได้สังเกตเห็นสิ่งบ่งชี้ต่างๆและตัดสินใจแนะนำลูกค้าให้ขายตราสารที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อนำเงินเข้าฝากธนาคาร และสามารถนำเงินดังกล่าวมาให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกู้ยืมเมื่อมีการลดค่าเงินบาท การลงทุนทางการเงินในตลาดต่างประเทศนั้นต้องพิจารณาโดยแบ่งเป็นกลุ่มประเทศ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เช่น Alibaba, Amazon, Apple หรือ Facebook เป็นต้น ซึ่งกลุ่มบริษัทเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก Seasonal Effects รวมถึงHome Depot ที่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้หลังการซื้อขายบ้านและทรัพย์สินที่ดินในประเทศฟื้นตัว หรือ Walt Disney ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทในแทบยุโรป เช่น BMW Hermes Moët Hennessy Louis Vuitton (LVHM) Credit Suisse, Deutsche Bank และ Swiss Re ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะมีการผันผวนมากกว่าแต่ก็ถือเป็นช่วงดีสำหรับการลงทุน นักลงทุนจะต้องกล้าที่จะลงทุน เพราะหากชะล่าใจอาจจะเสียโอกาสได้ โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินอ่อนตัวลง ธุรกิจการท่องเที่ยวจะได้รับความนิยม ในส่วนประเทศจีนและฮ่องกง Tencent เป็นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากที่สุด และประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่ก็มีกลุ่มธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ เช่น Fast Retailing หรือ Uniqlo เป็นต้น แนวโน้มการลงทุนทางเลือกในรูปแบบอื่นๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจในการลงทุนรูปแบบอื่นๆนอกจากการลงทุนในตลาดเงิน เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รูปภาพ(Painting) โดยเฉพาะรูปภาพในยุค Modern Art และ Contemporary Art ที่มีราคาสูงมาก และในศิลปินบางท่านที่ผลิตผลงานจำนวนมากแต่ก็สามารถขายได้ในราคาสูง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าถึงแม้สินค้าจะมีจำนวนมากแต่ก็สามารถจำหน่ายในราคาที่ดีได้หากมีผู้สนใจมากเช่นกัน เพชร และนาฬิกา เป็นต้น ดร.ก้องเกียรติได้มอบข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุนแก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำธุรกิจระดับโลก GBL โดยให้ตระหนักอยู่เสมอว่าราคาหรือตัวเลขที่ปรากฏไม่ได้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ ดังนั้น นักลงทุนควรตรวจเช็คสุขภาพของบริษัทที่ตนเองลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยการเยี่ยมเยียนหรือตรวจดูงบดุลของบริษัททุกไตรมาส และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้ลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงเพียงพอก็ควรเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดด้านนั้นๆอย่างแท้จริง โดยพิจารณาจาก อัตราการเติบโตของธุรกิจโดยเฉพาะในประเทศจีน ทีมผู้บริหารของบริษัท บริษัทคู่แข่ง และปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.leadbusinessinstitute.com/globalinvestment/

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ