เชฟรอน - คีนัน ร่วม ม.ราชภัฏราชนครินทร์ เปิดศูนย์สะเต็มแห่งแรก โมเดลต้นแบบบริหารจัดการครบวงจร สร้างเครือข่ายโรงเรียน – ครู – อุปกรณ์ ประจำภูมิภาค

ข่าวทั่วไป Monday September 5, 2016 15:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--Rippleeffect "เชฟรอน - คีนัน" รุดหน้าโครงการ "Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต" จับมือ ม.ราชภัฏ ราชนครินทร์ เปิด "ศูนย์สะเต็ม" ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโมเดลต้นแบบ ทำหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการฯ และบริหารจัดการสื่อการสอนด้านสะเต็มให้กับโรงเรียนเครือข่าย นางหทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึง ความคืบหน้าโครงการ "Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต" ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาว่า "โครงการฯ ประสบความสำเร็จได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐและภาคการศึกษา อย่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการศึกษา พัฒนาการเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพด้านสะเต็ม (STEM) ของเยาวชนต่อไป โดยในปีแรกของการดำเนินโครงการได้มีการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพครูผู้นำ ครูพี่เลี้ยง และครูผู้สอนราว 3,000 คน และจัดกิจกรรมสำหรับนักเรียนกว่า 62,000 คน โดยครอบคลุมโรงเรียนที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้ว 371 โรงเรียน "ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของศูนย์สะเต็มอย่างครบวงจร ล่าสุดทางโครงการฯ ได้เปิดที่ทำการ "ศูนย์สะเต็ม" ประจำภาคตะวันออก ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานของโครงการฯ รวมทั้งทำหน้าที่บริหารจัดการอุปกรณ์สื่อการการเรียนสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ให้กับโรงเรียนเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งในจังหวัดสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา ซึ่งจะใช้เป็นโมเดลต้นแบบของการเป็นศูนย์สะเต็มของภูมิภาคต่างๆ" ทางโครงการฯ ได้มีการจัดตั้งศูนย์สะเต็ม (STEM Hub) ใน 3 จังหวัด คือ ขอนแก่น สงขลา และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการการศึกษาด้านสะเต็มครบวงจร เพื่อขยายองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร กระจายสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้ ให้กับโรงเรียนในเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับในปีที่ 2 โครงการฯ อยู่ระหว่างการพูดคุยและดำเนินงานเพื่อจัดตั้งศูนย์สะเต็มในอีก 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ โครงการฯ ตั้งเป้าหมายสร้างศูนย์สะเต็มในภูมิภาคทั้งสิ้น 12 แห่งทั่วประเทศตลอดระยะ 5 ปีของการดำเนินโครงการ นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย กล่าวถึง การพัฒนาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ว่า "ศูนย์สะเต็มจะบริหารจัดการโดยมหาวิทยาลัยที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ตรงกับโครงการฯ ในด้านการผลิตและพัฒนาวิชาชีพครู รวมทั้งมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางเพื่อถ่ายทอดทักษะและแลกเปลี่ยนความรู้ ฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพของคุณครู จากเครือข่ายโรงเรียนสะเต็มไปสู่โรงเรียนขยายโอกาสต่างๆ ในภูมิภาค "บทบาทหน้าที่สำคัญของศูนย์สะเต็ม ประกอบด้วย 4 ด้าน 1) ร่วมมือกับโครงการฯ ในการจัดกิจกรรมพัฒนาครู บริหารจัดการและประสานงานโรงเรียนในเครือข่าย เพื่อสนับสนุนด้านวิชาการ และอุปกรณ์การสอน 2) อบรมและพัฒนานักเรียนผู้ช่วย ที่ทำหน้าที่เตรียมอุปกรณ์การสอนร่วมกับครู 3) วางแผนจัดส่งนักศึกษา เข้าฝึกสอนในโรงเรียนระดับแม่ข่าย โดยเน้นโรงเรียนขนาดกลางและขยายโอกาส และ 4) จัดหาเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนโครงการฯ ในพื้นที่ เพื่อประสานภาคีสนับสนุนกิจกรรมและประเมินผลโครงการ" ขณะที่ ผศ. ดร. ดวงพร ภู่ผะกา รองอธิการบดีวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ กล่าวเสริมว่า "มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับโครงการฯ ในการพัฒนาการศึกษา เพราะเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ภาคเอกชนอย่างบริษัท เชฟรอนที่ได้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขยายโอกาสในภูมิภาค ให้เข้าถึงทรัพยากรการศึกษาอย่างแท้จริง "ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ร่วมดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการฯ ตั้งแต่การอบรมเชิงปฏิบัติการครูวิทยาศาสตร์และครูคณิตศาสตร์เรียนรู้การจัดแผนการสอนการเรียนรู้ในวิชาด้านสะเต็ม และกลวิธีการสอนจากผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษา วันนี้มหาวิทยาลัยจึงมีความพร้อมดำเนินการบริหารจัดการศูนย์สะเต็มอย่างครบวงจร ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการและฉะเชิงเทรา สนับสนุนโรงเรียนแม่ข่าย จำนวน 8 โรงเรียน และลูกข่าย 32 โรงเรียน" อนึ่ง โครงการ "Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต" โดยความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันคีนันแห่งเอเซีย และ 7 องค์กรภาครัฐ สอดคล้องกับนโยบาย "รัฐร่วมเอกชน" ของรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาการศึกษากลุ่มวิชา STEM ทั้งในการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพหรืออาชีวศึกษา อันจะเป็นพื้นฐานช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ