กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--Nanmeebooks
หลายต่อหลายครั้งที่เราไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของอีกฝ่าย เด็กไม่เข้าใจผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็ก ผู้ชายไม่เข้าใจผู้หญิง ผู้หญิงไม่เข้าใจผู้ชาย เป็นต้น ซึ่งความไม่เข้าใจเหล่านี้มักนำไปสู่การตัดสินผู้อื่นอย่างผิดๆ จะดีแค่ไหนหากเราลองเปิดใจเรียนรู้ที่จะรับฟังเหตุผลผู้อื่น อาจทำให้เราได้เห็นความจริงอีกด้านที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่าลืมบางเรื่องที่เราเห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป
"เรื่องเล่าของเด็กดี (Dad's Diary) วรรณกรรมสำหรับเยาวชนแสนละมุนที่จะทำให้ผู้อ่านอบอุ่นหัวใจ ผลงานของ ยังแทซ็อก ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่นักเรียนเกาหลีทุกคนได้อ่าน ว่าด้วยเรื่องเล่า18 เรื่องราวสุดประทับใจที่จะทำให้ผู้อ่านทุกวัยได้กระตุกคิดและเสียน้ำตา ประกอบไปด้วยเรื่องราวของความรัก การลาจาก ความเห็นใจ ความผิดชอบชั่วดี ความสงสาร และที่สำคัญคือมีเรื่องที่กล่าวถึงความผูกพันของครอบครัว มิตรภาพ รวมทั้งสะท้อนปัญหาทางสังคมและสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย
ครอบครัวคือของขวัญอันงดงามที่พระเจ้ามอบแก่เรา คำพูดของพ่อกับแม่มอบความอบอุ่น ความมั่นใจ และความมั่นคง ไม่ว่าเราจะอยู่ในห้วงเวลาใด มีความสุขล้น หัวเราะร่า น้ำตาริน เหนื่อยล้า เจ็บปวด หรือหมดกำลังใจ จะมีมือพ่อกับแม่คอยลูบหัวหรือตบไหล่เบาๆ แก่นหลักของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงครอบครัวในแง่ที่ว่าคือความหวังตั้งแต่เริ่มต้นตราบจนสิ้นสุด ยังแทซ็อกหวังว่าหนังสือของเขาจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดของผู้อ่านในยามที่รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างไม่มากก็น้อย
"นางฟ้าของฉัน" หนึ่งในเรื่องสั้นจากในเล่มพูดถึงจงแท เด็กชายขาพิการและพูดติดอ่างที่มักถูกเพื่อนล้อบ่อยๆ โดยเฉพาะจองอา เด็กสาวหน้าตาดีที่มีแต่คนรุมล้อม เธอมักพูดจาว่าร้ายใส่จงแทจนเขาอับอายแต่เขาก็ไม่เคยถือโทษโกรธเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่คุณครูพาเด็กๆ ไปทัศนศึกษา ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้จองอามองจงแทเปลี่ยนไป...
"ขอบใจนะ เธอกล้าหาญที่สุดในห้องของเรา…ต่อไปจะไม่ล้อเธอแล้ว…ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ" เนื้อความในจดหมายจากจองอาถึงจงแท เด็กพิการที่มักถูกเธอล้อบ่อยๆ ทำให้เขารู้สึกดีใจจนตัวแทบลอย ไม่ต่างจากความรู้สึกของผู้อ่านที่ได้อ่านเรื่องราวความกล้าหาญและความมีน้ำใจของเด็กชายผู้นี้
ในเล่มยังมีเรื่องสั้นอีก 17 เรื่องที่รอให้ผู้อ่านได้ประทับใจกับการกระทำของตัวละครและได้ข้อคิดสอนใจ เช่น "ยูชิก...พี่ชายที่แสนดี" ที่สอนให้มีจุดมุ่งหมายและทำมันให้ดีที่สุด "เรื่องเล่าของแม่น้ำชังซา" ที่สอนให้รู้จักรักษาสิ่งแวดล้อม "ปีศาจแดงกับอุลตร้านิปปอน" ที่สอนให้รู้จักน้ำใจนักกีฬา สร้างมิตรภาพ "ความรักของแม่" ที่แสดงให้เห็นว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าใครในโลก "ไมตรีจิตเล็กน้อย" ที่สอนให้อย่าตัดสินใครจากภายนอก และ "ช่อดอกไม้ของเด็กดื้อ" ที่ทำให้รู้ว่าเด็กดื้อก็มีมุมเด็กดีได้เช่นกัน เป็นต้น
ที่สำคัญตัวละครใน เรื่องเล่าของเด็กดี ยังมีส่วนส่งเสริมการทำความดีของเยาวชนในสังคม ดังเช่นคำนิยมส่วนหนึ่งที่นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขียนให้แก่หนังสือเล่มนี้ว่า "หนังสือ เรื่องเล่าของเด็กดี (Dad's Diary) เป็นหนังสือแปลที่ได้รวบรวมเรื่องสั้นที่มีสาระประโยชน์ต่อการเรียนรู้ การทำความดีและช่วยในการปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ ซึ่งจะสามารถกระตุ้นจิตสำนึกและเสริมสร้างให้เป็นคนดีมีคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กและเยาวชนไทยที่จะได้เรียนรู้ชีวิตและการทำความดีในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งข้อคิดในการใช้ชีวิตเพื่อที่จะเติบโตขึ้นเป็นประชาชนที่มีคุณภาพ ซึ่งผมหวังว่าเรื่องสั้นทั้ง 18 เรื่องนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนให้เป็นประชากรที่มีคุณค่าของประเทศชาติต่อไป"
นอกจากผู้อ่านจะได้ซึมซับความประทับใจและตัวอย่างการทำความดีจากเรื่องราวทั้ง 18 เรื่องแล้ว การซื้อหนังสือเล่มนี้ยังถือเป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง เพราะนานมีบุ๊คส์จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายหนังสือเล่มนี้ ไปบริจาคสมทบทุนมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห้องสมุดของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนด้วย
เมื่ออ่าน "เรื่องเล่าของเด็กดี" จบแล้ว อย่าลืมย้อนถามตัวเองนะว่า วันนี้เราทำความดีแล้วหรือยัง...