บลจ.กสิกรไทย จ่อคืนกำไรกองทุนอสังหาฯ รวม 2 กองทุน พร้อมด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เตรียมจ่ายปันผลวันที่ 28 ก.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 19, 2016 09:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--บลจ. กสิกรไทย นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ในอัตรา 0.1580 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 - 31 กรกฏาคม 2559 และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.4600 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่1 เมษายน 2559 - 30 มิถุนายน 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในวันปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 20 กันยายน 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 28 กันยายน 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 295.57 ล้านบาท นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทย ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 - 30 มิถุนายน 2559 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในวันปิดสมุดทะเบียน ของวันที่ 20 กันยายน 2559 พร้อมกันนี้กองทุนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 6 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในอัตรา 0.4058 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับทั้งในส่วนเงินปันผลและเงินลดทุน รวมเป็นอัตรา 0.6958 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 417.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่นักลงทุนได้รับโดยเฉลี่ยที่ 6.50% ของมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) ทั้งนี้ กองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลและคืนเงินลดทุนดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน 2559 และหลังจากการลดทุนครั้งนี้ มูลค่าทุนจดทะเบียนของกองทุนจะอยู่ที่ 7.7429 บาทต่อหน่วย นายเขมชาติกล่าวต่อไปว่า กองทุน ABPIF มีนโยบายลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 59) กองทุน ABPIF มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วรวมเป็นมูลค่า 174.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.2900 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งเมื่อคำนวณจากอัตราการจ่ายปันผลในครั้งนี้ ในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย ถือได้ว่ากองทุนมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงถึง 100% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ด้านกองทุน WHAPF มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 22 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 3.9181บาทต่อหน่วย หรือสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6.97% ต่อปี ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 พ.ค. - 31 ก.ค. 59) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ ส่วนกองทุน CTARAF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะ สมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 88.7% และมีผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 27 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.0742 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน ABPIF กองทุน WHAPF และกองทุน CTARAF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่www.kasikornasset.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ