ปภ. รายงานเกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 4 จังหวัด พร้อมเตือน 21 จังหวัดรับมือภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้

ข่าวทั่วไป Tuesday September 20, 2016 11:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พะเยา แม่ฮ่องสอน และพิษณุโลก รวม 11 อำเภอ 49 ตำบล พร้อมประสานแจ้งเตือน 21 จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 4 จังหวัด รวม 11 อำเภอ 49 ตำบล แยกเป็น สุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยม ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และอำเภอกงไกรลาศ รวม 20 ตำบล 136 หมู่บ้าน 26 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,618 หลังคาเรือน ถนน 25 สาย ตลิ่ง 4 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 40,703 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ พะเยา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอภูกามยาว รวม 15 ตำบล ปัจจุบันระดับน้ำในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยาลดลงแล้ว ส่วนอำเภอภูกามยาว และอำเภอดอกคำใต้ระดับน้ำทรงตัว แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปางมะผ้า อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปาย รวม 8 ตำบล ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัวพิษณุโลก น้ำจากแม่น้ำยมไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบางระกำ ประชาชนได้รับผลกระทบ 500 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 2,800 ไร่ บ่อปลา 4 บ่อ ปัจจุบันน้ำยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัย ได้ร่วมกับหน่วยทหารและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ร่องมรสุมมีกำลังแรงขึ้นและได้เคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 21 จังหวัด แยกเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา ภาคกลาง 12 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ราชบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณที่มีปริมาณฝนสะสมอยู่แล้ว รวมถึงจัดเตรียมสรรพกำลัง เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง อาทิ คอสะพาน เส้นทางน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ แก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ตลอดจนกำหนดพื้นที่รองรับน้ำและเก็บกักน้ำ และวางแผนพร่องน้ำ ผันน้ำ และระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ โดยบูรณาการแผนการระบายน้ำในเชิงลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัย กรณีสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ