ปภ.แนะผู้ขับขี่เรียนรู้หลักขับรถช่วงฝนตกถูกวิธี...เดินทางปลอดภัย

ข่าวทั่วไป Tuesday September 20, 2016 18:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะผู้ขับขี่เรียนรู้ข้อควรปฏิบัติในการขับรถช่วงฝนตกอย่างถูกวิธี โดยปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝน เปิดใช้สัญญาณไฟหน้ารถแม้เป็นช่วงกลางวัน จะช่วยให้การมองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ รักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้น ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน และไม่แซงในระยะกระชั้นชิด หากมีละอองฝ้าเกาะกระจก ให้ปรับอุณหภูมิในและนอกรถให้ใกล้เคียงกัน กรณีขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ควรหยุดรถเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำ กรณีฝนตกหนัก จนมองไม่เห็นเส้นทาง ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนฝนหยุดตก ค่อยขับรถไปต่อ ทั้งนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางช่วงฝนตก นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้สภาพถนนเปียกลื่นและมีน้ำท่วมขังผิวการจราจร ส่งผลให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย อีกทั้งทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะผู้ขับขี่เรียนรู้หลักปฏิบัติในการขับรถช่วงฝนตกอย่างถูกวิธี ดังนี้ เปิดใช้ที่ปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝน ฉีดน้ำล้างกระจก เพื่อทำความสะอาดคราบสกปรกและลดการเสียดสีของใบปัดน้ำฝนกับกระจกรถการใช้สัญญาณไฟ ควรเปิดใช้สัญญาณไฟหน้ารถแม้เป็นช่วงกลางวัน หรือเปิดใช้ไฟตัดหมอกเมื่อขับรถช่วงกลางคืนที่มีฝนตกหนักหรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น แต่ไม่ควรเปิดใช้สัญญาณไฟสูง เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับน้ำบนพื้นถนน ทำให้ผู้ที่ขับรถสวนทางมา ตาพร่ามัว ไม่ควรเปิดใช้ไฟกะพริบ เนื่องจากอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ร่วมใช้เส้นทาง จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การขับรถ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ จับพวงมาลัยให้มั่น เพื่อป้องกันรถลื่นไถลออกนอกเส้นทาง ขับรถให้ช้ากว่าปกติ รักษาความเร็วให้อยู่ในระดับสม่ำเสมอ โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งสามารถควบคุมและหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า ให้มากกว่าปกติ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถหยุดรถได้ทันท่วงที ไม่ขับรถตีคู่รถขนาดใหญ่ เพราะคลื่นน้ำจะสาดใส่กระจกหน้ารถบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ไม่แซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด ให้สัญญาณไฟก่อนเปลี่ยนช่องทางในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร พร้อมมองเส้นทางให้รอบด้าน หากต้องหยุดรถ ควรค่อยๆ ลดระดับความเร็ว ไม่เหยียบเบรกให้รถหยุดในทันที เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวพลิกคว่ำได้ กรณีมีละอองฝ้าเกาะกระจก ควรปรับอุณหภูมิในและนอกรถให้ใกล้เคียงกัน ด้วยการลดกระจกลงเล็กน้อย แต่หากยังมีละอองฝ้าอยู่ ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดกระจก กรณีฝนตกหนัก จนมองไม่เห็นเส้นทาง ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนฝนหยุดตก หรือสามารถมองเห็นเส้นทางชัดเจน ค่อยขับรถไปต่อ กรณีขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ควรหยุดรถเพื่อประเมินสถานการณ์ หากน้ำท่วมระดับผิวถนน ควรขับรถให้ช้าที่สุด รักษาความเร็วระดับสม่ำเสมอ ไม่เร่งเครื่อง ปิดเครื่องปรับอากาศ ขับรถไปตามแนวการขับขี่ของคันหน้า เพื่อป้องกันรถออกนอกเส้นทาง หากน้ำท่วมสูงกว่าท้องรถ ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น เพราะรถอาจถูกน้ำพัดออกนอกเส้นทาง ก่อให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ การเรียนรู้หลักปฏิบัติ ในการขับรถช่วงฝนตกอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางช่วงฝนตก 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ