LHFund ชี้ตลาดเงินตลาดทุนช่วงปลายปียังผันผวนต่อเนื่อง แนะกระจายความเสี่ยงลงทุน REIT ในไทยและเอเชีย-เล็งเปิดตัวกองทุนใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 11, 2016 15:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--เอ็มที มัลติมีเดีย บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LHFund ชี้ทิศทางตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกยังผันผวนต่อเนื่อง จับตาปัจจัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือน พ.ย.นี้ และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ กดดันให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดในประเทศเกิดใหม่ ด้านผู้บริหาร LHFund แนะกระจายความเสี่ยงการลงทุน REIT ในไทยและเอเชีย รับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ พร้อมเล็งเปิดกองทุนใหม่อีก 2กองในช่วงปลายปีนี้ เน้นลงทุน REIT ในเอเชียและลงทุน REIT ในไทย นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LHFund เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถสร้างผลงานในการบริหารจัดการกองทุนที่ดีตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ สะท้อนจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิหรือ NAV ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน2559 กองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการมีมูลค่า NAV ทั้งสิ้น 61,739.91 ล้านบาท ส่งผลให้ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนเพิ่มขึ้น ล่าสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินผลการดำเนินงานกองทุน เพื่อวิเคราะห์และจัดอันดับกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ LHFund โดยกองทุนที่ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานนั้น ส่วนใหญ่จะได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อาทิ กองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ ได้รับการจัดอันดับสูงสุด คือ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ ส่วนกองทุนเปิด แอล เอช โกรท กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาว และกองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและชนิดสะสมมูลค่า กองทุนเปิด แอล เอช พันธบัตร ชนิดสะสมมูลค่า กองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ลกองทุนเปิด แอล เอช หุ้นปันผล ได้รับการจัดอันดับ 3 ดาว ซึ่งเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกองทุนได้เป็นอย่างดี นางสาวเพียงดาว วัฒนายากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ได้อธิบายให้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยกล่าวว่านอกจากชื่อกองทรัสต์ที่แตกต่างกันแล้ว วิธีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินก็แตกต่างกัน สำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่า การคำนวณอัตราผลตอบแทนในการลงทุนควรคำนวณในลักษณะอัตราผลตอบแทนรวมทั้งโครงการ (Internal Rate of Return, IRR) เนื่องจากผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินคืนในลักษณะ 2 แบบ คือ (1) เงินประโยชน์ตอบแทนหรือ เงินปันผล และ (2) เงินคืนทุน โดยประเด็นสำคัญคือ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะมากหรือน้อย ไม่ได้ขึ้นกับว่าเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์หรือสิทธิการเช่าเป็นสำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการและความสามารถในการหารายได้ของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆมากกว่า สำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เดิม หรือ ที่เรียกว่า Sponsor นั้น การตัดสินใจว่า จะขาย หรือ ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ แก่กองทรัสต์ จะขึ้นอยู่กับ ลักษณะและเงื่อนไขของโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ความประสงค์ทางด้านการเงินและทิศทางของบริษัทเป็นสำคัญ ขณะที่นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ได้ประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยจะยังคงมีความผันผวนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการกำหนดนโยบายการบริหารประเทศของอเมริกาที่มีผลกระทบกับตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนและกลางเดือนธันวาคมนี้ยังคงประเด็นที่ต้องจับตา แต่ LHFund คาดว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯมากนัก ทั้งนี้ จากความเสี่ยงในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก การลงทุน REIT ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ REIT ในแถบเอเชียจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ โดยมีประเทศที่น่าสนใจเข้าไปลงทุน อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน เนื่องจากอัตราค่าเช่าและราคาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทต่างๆ เช่น โครงการอาคารสำนักงาน โรงแรม รีเทล ฯลฯ ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งหากจับจังหวะการลงทุนได้อย่างถูกต้องก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีแผนเปิดตัวกองทุนที่จะเข้าลงทุน REIT ในเอเชียภายในปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศ นอกจากนี้ หลังจากกองทุน LHTPROP และ LHPROP-I ที่มีนโยบายลงทุนในพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์และ REIT ได้รับการตอบรับที่ดี แต่บริษัทฯ ยังไม่มีนโยบายขยายขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นนั้น ทาง LHFund จึงมีแผนเปิดตัวกองทุนใหม่ คือ กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (LHPROP-INFRA) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REIT และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และตราสารหนี้ในประเทศไทย โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ตั้งแต่ 0-100 ของ NAV ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ทาง LHFund จะพิจารณาจากสภาวะตลาดในแต่ละช่วง เพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทุน โดยจะเปิดขายIPO กอง LHPROP-INFRA ตั้งแต่วันที่ 17-26 ตุลาคม 2559 นี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ