อีสท์ วอเตอร์ ผนึกกำลังทุกภาคส่วนป้องกันการขาดแคลนน้ำภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ปี 2560

ข่าวทั่วไป Thursday October 13, 2016 16:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--อีสท์ วอเตอร์ ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก เน้นสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้น้ำทั้งภาคอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค กระทรวงมหาดไทย ตั้งโต๊ะประชุมร่วม กรมชลประทาน อีสท์ วอเตอร์ ศูนย์ปฎิบัติการน้ำภาคตะวันออก และจังหวัดระยอง ผนึกกำลังเตรียมพร้อมรับมือ มั่นใจโครงการท่อส่งน้ำดิบเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์ – หนองปลาไหล เส้นที่ 2 จะเพิ่มเสถียรภาพให้กับแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ดี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมกับนายเกิดชัย ธัญวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 กรมชลประทาน นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ นายธีระศักดิ์ ผดุงตันตระกูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อหารือแผนการบริหารจัดการน้ำในปี 2560 เตรียมพร้อมป้องกันการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างมั่นใจให้กับผู้ใช้น้ำทั้งภาคอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค นายเกิดชัย ธัญวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 กรมชลประทาน เปิดเผยว่า สภาพปริมาณน้ำ ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง วันที่ 30 กันยายน 2559 ในเขตสำนักงานชลประทานที่ 9 มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 6 แห่ง รวมความจุทั้งสิ้น 1,515 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำปัจจุบันรวม 773 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 51 % อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 51 แห่ง รวมความจุทั้งสิ้น 703 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำปัจจุบันรวม 393 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 56 % โดยอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากที่สุดในปัจจุบัน คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง ปัจจุบันมีประมาณน้ำอยู่ที่ 176.10 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 71 .01 % จากปริมาณเก็บกักน้ำทั้งหมด ที่ผ่านมาแหล่งน้ำในภาคตะวันออกจะมีปริมาณน้ำเกิน 50% ในทุกอ่างเก็บน้ำ แต่ในปีนี้เนื่องจากปริมาณฝนตกน้อยในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำน้อย เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ที่ปัจจุบันเก็บกักน้ำได้ 53.35 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 34.41 % จากปริมาณเก็บกักทั้งหมดที่ 163.75 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำบางพระ ปัจจุบันเก็บกักน้ำได้ 47.12 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 40.27 % จากปริมาณเก็บกักทั้งหมดที่ 117 ล้าน ลบ.ม. ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในเดือนตุลาคมคาดว่าจะมีปริมาณฝนที่ตกเพิ่มขึ้นอีก ด้านนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า "จังหวัดในภาคตะวันออกมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำค่อนข้างสูงจำเป็นต้องวางแผนในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคตอย่างเป็นระบบ ซึ่ง อีสท์ วอเตอร์ ได้บริหารจัดการน้ำผ่านโครงข่ายท่อส่งน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักเข้าด้วยกัน ทำให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถผันน้ำไปช่วยพื้นที่ที่อ่างเก็บน้ำมีน้ำเหลือน้อยได้ ล่าสุดโครงการท่อส่งน้ำดิบเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เส้นที่ 2 แล้วเสร็จพร้อมส่งน้ำได้ภายใน 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสูบจ่ายน้ำประมาณ 0.26 ล้าน ลบ.ม. หรือ ประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทั้งนี้ต้องขอบคุณการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ช่วยเร่งดำเนินการส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบส่งน้ำของโครงการฯ ทำให้โครงการฯ สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว เตรียมความพร้อมกรณีหากเกิดภัยแล้งขึ้น" สำหรับโครงการท่อส่งน้ำดิบเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เส้นที่ 2 เป็นโครงการที่อีสท์ วอเตอร์ เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ ช่วยลดปัญหาอุทกภัยที่บริเวณท้ายน้ำ สร้างเสถียรภาพให้แหล่งน้ำภาคตะวันออกมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่ชลประทานตามแนวท่อน้ำได้ รวมทั้งสามารถส่งจ่ายน้ำให้ชุมชนเพื่อการอุปโภคบริโภคตามแนวท่อได้อีกกว่า2,200 ครัวเรือน และยังช่วยส่งเสริมภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพไปพร้อมๆกัน นายธีระศักดิ์ ผดุงตันตระกูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะคณะทำงานศูนย์ปฎิบัติการน้ำ (War Room) ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า "คณะทำงานศูนย์ปฎิบัติการน้ำ (War Room) ภาคตะวันออก ซึ่งจะมีผู้แทนจากกรมชลประทาน อีสท์ วอเตอร์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้ใช้น้ำภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมร่วมกันเป็นประจำทุกเดือน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและวางมาตรการป้องกันการขาดแคลนน้ำร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นถึงแม้ว่าสถานการณ์น้ำในภาพรวมจะดูน่าเป็นห่วงกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่เชื่อได้ว่าการประสานงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญโครงการท่อส่งน้ำดิบเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล เส้นที่ 2 ของอีสท์ วอเตอร์ พร้อมสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้แล้วจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกได้เป็นอย่างมากทำให้เรามั่นใจได้ว่า ในปี 2560 ภาคตะวันออกจะสามารถบริหารจัดการน้ำให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้เป็นอย่างดีเช่นทุกปีที่ผ่านมา ทางด้าน นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า "จังหวัดระยองถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในจังหวัด โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่มีผู้ประกอบการจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพื้นที่เกษตรกรรมอีกจำนวนมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เกษตรกร และประชาชน ว่าจะไม่ขาดแคลนน้ำ ทางจังหวัดยังประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทาน อีสท์ วอเตอร์ ศูนย์ปฎิบัติการน้ำ (War Room) ภาคตะวันออก กันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ทางจังหวัดยังมีการจัดทำแผนเพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกันกับทุกภาคส่วน เพื่อรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ