“UDA” ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 25 ล้านหุ้น นำเงินระดมทุนซื้อพ่อแม่พันธุ์เพิ่ม ผลิตลูกหมูป้อนตลาด 12,000ตัวต่อเดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 28, 2016 13:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--ธามดี พลัส จำกัด "UDA" ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์ เสนอขายไอพีโอจำนวน 25 ล้านหุ้น ระบุเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2,000 ตัว ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตลูกหมูเข้าสู่ตลาดจากประมาณ 8,000 ตัวต่อเดือนเป็น 12,000 ตัวต่อเดือน และบางส่วนนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน ระบุการเศรษฐกิจของสปป.ลาวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการลงทุนทั้งในสปป.ลาวและต่างประเทศทำให้มีการบริโภคอาหารเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทฯ อย่างมีนัยยะสำคัญ นายนิดสะหวัน หลวงโคตรปะวงศ์เวียงคำ ผู้อำนวยการ บริษัท ร่วมพัฒนากสิกรรม ขาออก-ขาเข้า มหาชน หรือ "UDA" ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายลูกหมูที่ได้มาตรฐานในระบบโรงเรือนแบบปิด(Evaporative Cooling System : EVAP) ที่ตอบสนองเสบียงอาหารให้แก่สังคมในสปป.ลาว เปิดเผยว่า วันนี้ (27 ต.ค.2559) บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2,000 กีบ ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 100,000 ล้านกีบ(ประมาณ 434.78 ล้านบาท) และภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว(LSX) บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 150,000,000 ล้านกีบ (ประมาณ 652.17 ล้านบาท) ปัจจุบันบริษัทมีหมู 3 สายพันธุ์คือ Large White, Landrace และ Duroc ซึ่งจะได้ลูกหมูที่มีคุณภาพและขุนง่ายได้น้ำหนักเป็นที่นิยมของตลาดและมีความสามารถที่จะผสมพันธุ์เทียมและระบบการตรวจติดตามคุณภาพและน้ำหนักลูกหมู โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ คือ ผลิตและจำหน่ายลูกหมูอายุประมาณ 8-10 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักประมาณ 16-25 กิโลกรัม เพื่อจำหน่ายให้ผู้ประกอบการเลี้ยงหมูก่อนนำไปเลี้ยงให้ได้น้ำหนักและจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด นอกจากนี้บริษัทฯยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์หลัก คือ การจำหน่ายพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ที่ปลดประจำการให้กับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพ่อพันธุ์หมูจำนวน 80 ตัว แม่พันธุ์หมูจำนวน 4,750 ตัว สามารถผลิตลูกหมูเข้าสู่ตลาดประมาณ 8,000 ตัวต่อเดือน ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักคือ ลูกหมูผสม 3 สายพันธุ์ ระหว่าง Large White, Landrace และ Duroc ซึ่งจะได้ลูกหมูที่มีคุณภาพและขุนง่ายได้น้ำหนักเป็นที่นิยมของตลาด "ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้ส่งขายให้แก่ตัวแทนในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือของสปป.ลาวเป็นหลัก แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างเพียงพอ และจากการที่ผู้บริหารมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านปศุสัตว์มาอย่างยาวนาน ทำให้มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นจึงเห็นสมควรที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ลาวเพื่อนำเงินที่ได้ ไปลงทุนในพ่อและแม่พันธุ์ รวมถึงการลงทุนในโรงเรือนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องประมาณ 2,000 ตัว ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถผลิตลูกหมูเข้าสู่ตลาดได้ 12,000 ตัวต่อเดือน ขณะที่เงินบางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้กับธนาคารและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ"ท่านนิดสะหวัน กล่าว ท่านนางจันนวน ศรีประเสริฐ รองผู้อำนวยฝ่ายการเงิน บริษัท ร่วมพัฒนากสิกรรม ขาออก-ขาเข้า มหาชน เปิดเผยว่า นอกจากการดำเนินธุรกิจหลักแล้วบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการส่งเสริมการพัฒนาจากสถาบันส่งเสริมพลังงานทดแทนของกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือจากธนาคารโลก(Word Bank)โดยให้การสนับสนุนทุนและวิชาการ เพื่อก่อสร้างบ่อแก๊สชีวภาพ,โรงไฟฟ้า,และบ่อบำบัดน้ำเสีย รวมถึงให้ความรู้กับพนักงานของบริษัทฯ ในการศึกษานำมูลสัตว์ไปเป็นพลังงานทดแทน(Biogas) โดยบ่อแก๊สชีวภาพสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 0.5 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับไฟฟ้าของบริษัทฯ ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีคอกหมูทั้งหมดจำนวน 57 หลัง แบ่งเป็นคอกหมูแบบปิด (Evaporative Cooling System : EVAP) จำนวน 19 หลัง คอกหมูแบบปิดจำนวน 29 หลังและคอกหมูอื่นๆอีกจำนวน 9 หลัง นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท หลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด หรือ APMLAO ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ร่วมพัฒนากสิกรรม ขาออก-ขาเข้า มหาชน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของ UDA อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้ ปี 2013 มีรายได้รวม 26,413 ล้านกีบ (ประมาณ105.60 ล้านบาท) ขาดทุนสุทธิ 708 ล้านกีบ (ขาดทุนสุทธิประมาณ 3.08 ล้านบาท) ปี 2014 มีรายได้รวม 39,845 ล้านกีบ (ประมาณ173.24 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 1,187 ล้านกีบ (ประมาณ 5.16 ล้านบาท) และปี 2015 มีรายได้รวม 52,977 ล้านกีบ (ประมาณ 230.33 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 868 ล้านกีบ (ประมาณ 3.77 ล้านบาท) "ปัจจุบันในสปป.ลาวมีการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก ดูได้จากตัวเลขเศรษฐกิจของสปป.ลาวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2014-2015 เศรษฐกิจของสปป.ลาวมีการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 7.4 ส่งผลให้การบริโภคอาหารเพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจของ UDA มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นเชือว่าเมื่อ UDA เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วจะทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตได้อีกมาก"นายสมภพ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ