กระทรวงการคลังขยายวงเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ข่าวทั่วไป Tuesday January 10, 2017 11:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังขยายวงเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม) ในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ได้อย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์ ทั่วถึง และเกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานมากขึ้น นางสาวสุทธิรัตน์ รัตน์โชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังขยายวงเงินทดรองราชการ ในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มอีก 50 ล้านบาท จากเดิมที่มีวงเงิน 50 ล้านบาท และได้ ใช้จ่ายเงินภายในวงเงินดังกล่าว เกือบครบแล้ว ซึ่งไม่เพียงพอกับการให้ความช่วยเหลือสำหรับภารกิจเร่งด่วนครั้งนี้ และเนื่องจากขณะนี้พื้นที่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น ประกอบกับคาดว่าลักษณะอากาศภาคใต้ ยังคงมีฝนตก หนาแน่นต่อไปจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม 2560 ทำให้ต้องขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มอีก ขณะนี้มีจังหวัดที่ประกาศขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดพัทลุง จังหวัดปัตตานี จังหวัดตรัง และจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ประสบภัยรวม 89 อำเภอ 540 ตำบล 4,145 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 21 ราย สูญหาย 1 ราย ข้อมูลวันที่ 8 มกราคม 2560 อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพิ่มจากเดิมที่เคยได้รับอีก 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายสำหรับกรณีที่ต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะพิเศษ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมถึงความจำเป็น ในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงอย่างรุนแรง มีน้ำป่าไหลเชี่ยวกราก ดินโคลนถล่ม ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ หลักเกณฑ์เดิมเบิกจ่ายไม่ได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ กระทรวงการคลังให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวได้ "การขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มอีก 50 ล้านบาท มีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน แก่ประชาชนผู้ประสบภัยทุกจังหวัดในภาคใต้ ที่เกิดภาวะน้ำท่วมหนักรุนแรงและต่อเนื่อง เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้างได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ทั่วถึง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานด้านความช่วยเหลือได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ประกอบกับทำให้ผู้ประสบภัยมีเงินเพียงพอกับการใช้จ่ายในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการบูรณาการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ