ฟอร์ดเผยโฉม F-150 ใหม่ และการกลับมาของฟอร์ด บรอนโค ภายในงานแสดงรถยนต์นานาชาติแห่งอเมริกาเหนือ ร้อมเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ในอเมริกาเหนือและแสดงวิสัยทัศน์เมืองแห่งอนาคต

ข่าวยานยนต์ Thursday January 12, 2017 13:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ ฟอร์ดเผยโฉมฟอร์ด F-150 รุ่นใหม่ที่แกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และเปี่ยมสมรรถนะยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีป้องกันการชนพร้อมสัญญาณตรวจจับคนเดินถนน (Pre-Collision Assist with Pedestrian Detection) และระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างพร้อมหยุดและออกตัวแบบอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go) โมเด็ม 4G LTE ระบบซิงค์ 3 (SYNC)และระบบเสียง B&O PLAY ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะขนาดกลางโฉมใหม่ จะเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนืออีกครั้งในปีพ.ศ. 2562 ฟอร์ด บรอนโค รถเอสยูวีขนาดกลางรุ่นใหม่จะกลับมาบุกตลาดโลกอีกครั้งในปีพ.ศ. 2563 โดยทั้งฟอร์ด บรอนโค และฟอร์ด เรนเจอร์ จะผลิตที่โรงงานฟอร์ดในรัฐมิชิแกน Chariot บริษัทผู้ให้บริการรถรับส่งมวลชนผ่านแอพพลิเคชันในซานฟรานซิสโกและออสติน เท็กซัส ของฟอร์ด จะขยายการบริการให้ครอบคลุมอีก 8 เมืองในปีนี้ โดยจะมีเมืองระดับโลกอย่างน้อย 1 แห่ง ฟอร์ดเผยวิสัยทัศน์สำหรับ "เมืองแห่งอนาคต (City of Tomorrow)" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และช่วยให้เมืองต่างๆ เอาชนะความท้าทายในการสัญจร และเพื่อให้ผู้คนสามารถเดินทางได้สะดวกสบายขึ้นทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า แผนการขยายธุรกิจของฟอร์ดเพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทยานยนต์และการสัญจรเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในวันนี้ เมื่อฟอร์ดได้เผยโฉมรถกระบะรุ่น F-150 รุ่นใหม่ พร้อมประกาศการกลับมาของฟอร์ด เรนเจอร์ ในอเมริกาเหนือ และฟอร์ด บรอนโค ในตลาดโลก และเผยวิสัยทัศน์สำหรับ "เมืองแห่งอนาคต" ข่าวความคืบหน้าของฟอร์ดในงานแสดงรถยนต์นานาชาติแห่งอเมริกาเหนือ (North American International Auto Show) ซึ่งรวมถึงการประกาศแผนขยายบริการรถรับส่งมวลชนของ Chariot ในอีก 8 เมือง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจยานยนต์ และการรุกขยายธุรกิจด้านบริการการสัญจรที่กำลังเติบโตอย่างเต็มกำลัง "ปีนี้ แผนการขยายการดำเนินธุรกิจของฟอร์ดเพื่อเป็นบริษัทยานยนต์และการสัญจรได้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น" นายมาร์ค ฟีลด์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว "เราเปิดตัวรถยนต์และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาชีวิตของผู้คนหลายล้านคนในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ เรายังนำเสนอวิสัยทัศน์และร่วมมือกับเมืองอีกหลายแห่งเพื่อให้ผู้คนสามารถสัญจรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย" ข่าวความคืบหน้าในวันนี้ต่อเนื่องจากการประกาศแผนการขยายธุรกิจต่างๆ ของฟอร์ดดังนี้ การลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐและเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 13 รุ่น ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงฟอร์ด F-150ไฮบริด และฟอร์ด มัสแตง ไฮบริด รถตำรวจแบบไฮบริดสำหรับขับไล่ล่า 2 รุ่น รถตู้ทรานซิท คัสตอม ปลั๊กอิน ไฮบริด ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่สามารถวิ่งได้อย่างน้อย 300 ไมล์ และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ได้มาตรฐานระดับ 4 ของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ของสหรัฐอเมริกา ที่ไม่มีทั้งพวงมาลัย คันเร่ง และเบรค สำหรับการพาณิชย์ในปีพ.ศ.2564 เพื่อการบริการรถเรียกสาธารณะ หรือบริการใช้รถยนต์ร่วมกัน การเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบฟิวชั่นไฮบริดเจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเป็นแผนการขั้นต่อไปของฟอร์ดในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบให้สำเร็จภายในปีพ.ศ. 2564 การจัดตั้งทีม City Solutions เพื่อทำงานร่วมกับเมืองหลักต่างๆ ทั่วโลก ในการลดปัญหาจราจรติดขัด และช่วยให้ผู้คนสัญจรได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นทั้งในวันนี้และในอนาคต การกลับมาของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด บรอนโค ฟอร์ดจะเริ่มจำหน่ายฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะขนาดกลาง ในอเมริกาเหนืออีกครั้งในปีพ.ศ. 2562 และฟอร์ด บรอนโค รถเอสยูวีขนาดกลาง จะกลับมาจำหน่ายทั่วโลกในปีพ.ศ. 2563 โดยรถทั้ง 2 รุ่นจะผลิตที่โรงงานฟอร์ดที่เมืองเวย์น รัฐมิชิแกน "เราได้รับทราบความต้องการของลูกค้าอย่างชัดเจน พวกเขาต้องการรถยนต์ยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและยังคงความสนุกในการขับขี่" นายโจ ฮินริคส์ ประธานฟอร์ด อเมริกา กล่าว "ฟอร์ด เรนเจอร์ คือรถสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะราคาเหมาะสม ที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม มีความทนทาน และขับขี่คล่องตัว ตามเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ "เกิดมาแกร่ง" ในขณะที่ฟอร์ด บรอนโค จะเป็นรถเอนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดกลางที่เปี่ยมประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่มองหาความตื่นเต้นในการผจญภัยนอกเมือง เมืองแห่งอนาคต นอกเหนือจากการพัฒนาด้านยานยนต์ ฟอร์ดกำลังทำงานร่วมกับเมืองต่างๆ ทั่วโลกเพื่อช่วยแก้ปัญหาการสัญจรที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัญหาการจราจรที่ติดขัดและมลภาวะทางอากาศ ทีม City Solutions ของฟอร์ด ซึ่งเป็นทีมเพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมยานยนต์ กำลังทำงานร่วมกับเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำเสนอ ทดลอง และพัฒนาโซลูชั่นด้านการสัญจร นอกจากนี้ ทีมยังได้เริ่มต้น และร่วมมือกับมูลนิธิ Bloomberg Philanthropies และเครือข่ายนายกเทศมนตรีทั่วโลกของมูลนิธิในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย "นี่คือปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าเพียงการจราจรที่ติดขัดเท่านั้น แต่ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขต่างๆ ทั้งน้ำดื่มที่สะอาด อาหาร ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย และแม้กระทั่งความสามารถในการหางาน" นายบิล ฟอร์ด ประธานบริหารฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว "ความสามารถในการแก้ไขความท้าทายด้านการสัญจรต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป นี่เป็นทั้งโอกาสที่น่าตื่นเต้นและความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของเรา" ในวันนี้ ฟอร์ดได้นำเสนอวิสัยทัศน์สำหรับ "เมืองแห่งอนาคต" เมืองแห่งอนาคตของฟอร์ดให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาการสัญจรในระยะสั้น (ซึ่งรวมถึงรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและรถยนต์ไฟฟ้า การใช้รถยนต์ร่วมกัน การเรียกรถสาธารณะ และรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ) กับระบบโครงสร้างพื้นฐานในเมือง เพื่อสร้างระบบนิเวศในการเดินทาง ยกตัวอย่างเช่น เหมือนฟอร์ดกำลังจินตนาการถึงโลกที่ถนนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้สัญจรและสัมพันธ์กับความคล่องตัวของการจราจร หรือการใช้จักรยานและโดรนแก้ปัญหาการสัญจรช่วงสุดท้ายสำหรับทั้งคนและสินค้าต่างๆ อนาคต: ระยะสั้น ในอีก 5 ปีนับจากนี้ ฟอร์ดคาดว่า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเริ่มใช้งานในเมืองต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะรวมถึงรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติคันแรกของฟอร์ดที่จะเปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 ด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถผลิตรถยนต์ได้จำนวนมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในระยะเวลาอีก 15 ปีนับจากนี้ การเดินทางร่วมกันจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น การใช้รถร่วมกันผ่านแอพพลิเคชัน Chariot ของฟอร์ด ที่กำลังจะขยายตัวครอบคลุมทั่วโลก Chariot ซึ่งในปัจจุบันกำลังดำเนินงานในซานฟรานซิสโก และเมืองออสติน รัฐเท็กซัส จะขยายบริการไปยังตลาดอีก 8 แห่งในปีนี้ โดยในจำนวนนี้จะมีเมืองในประเทศอื่นนอกจากสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 1 แห่ง ตามวิสัยทัศน์ของฟอร์ดสำหรับอนาคตอันใกล้นั้น การสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และโครงสร้างพื้นฐานจะเติบโตด้วยเช่นกัน: รถยนต์จะสามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์คันอื่นและระบบขนส่งของเมืองต่างๆ ได้ และฟอร์ดจะติดตั้งโมเด็มในรถยนต์ของฟอร์ด 20 ล้านคันทั่วโลกใน 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่รถยนต์ 20 ล้านคันเหล่านี้และรถยนต์คันอื่นที่สามารถเชื่อมต่อได้จะเริ่มออกสู่ท้องถนนในเมืองต่างๆ ทั่วโลก โครงสร้างพื้นฐานภายในตัวเมืองเองก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มจากนวัตกรรมที่ส่งผลในวงกว้าง เช่น การชาร์จไฟแบบไร้สาย และการเชื่อมต่อที่ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมอบระบบปฏิบัติการรูปแบบใหม่แก่ผู้ดูแลการสัญจรของเมือง โดยจะเปิดโอกาสให้พวกเขาบริหารจัดการแง่มุมต่างๆ ของระบบการเดินทางในเมืองได้จากศูนย์กลาง รวมถึงความคล่องตัวของการจราจรและการปล่อยมลพิษของรถยนต์ อนาคต: ระยะยาว สำหรับแผนอนาคตระยะยาวในวันข้างหน้า ฟอร์ดมองเห็นภาพเมืองแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้า การขนส่งมวลชนจะพัฒนาขึ้นในเมืองใหญ่ต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบขนส่งความเร็วสูง โดยนวัตกรรมอื่นๆ รวมถึง โดรนจะมีบทบาทมากขึ้น เช่น สำหรับสำรวจและทำแผนที่ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแผ่นดินไหว สึนามิ หรือภัยพิบัติอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ระบบขนส่งที่ล้ำหน้า ที่จะผสานข้อมูลจากทุกแง่มุมของระบบนิเวศการสัญจรได้อย่างครอบคลุมและราบรื่นยิ่งขึ้น โดยระบบนิเวศนี้ รวมไปถึงรถยนต์ จักรยาน โดรน และระบบขนส่งมวลชน สัญญาณไฟจราจร มิเตอร์ที่จอดรถ และโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดใหญ่เพื่อจัดการการจราจรให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำงานร่วมกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในการขจัดปัญหาการจราจรติดขัด ลดการปล่อยมลพิษ และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุลงจนเกือบศูนย์ การเปลี่ยนถนนให้เป็นพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและช่วยให้ชุมชนมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น "กว่า 100 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและเป็นยานยนต์ที่น่าเชื่อถือ" นายฟีลด์ส กล่าว "และในวันนี้ เราต้องการทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อมอบทางเลือกและโซลูชั่นในการสัญจรที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้แก่ทุกคน สำหรับอนาคตอันยาวไกลที่จะมาถึง" ผู้สนใจสามารถคลิกเพื่อรับชมวีดีโอเกี่ยวกับเมืองแห่งอนาคต (City of Tomorrow) ได้ที่นี่: https://www.youtube.com/watch?v=VwsusVukikg

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ