ETE เดินหน้าโรดโชว์นักลงทุน 6 จังหวัด 16 ม.ค.-2 ก.พ. คาดเทรดเอ็ม เอ ไอ ก.พ.60

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 13, 2017 09:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น "บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง" เดินสายให้ข้อมูลนักลงทุน 6 จังหวัดทั่วทุกภาค 16 ม.ค.-2 ก.พ. มั่นใจนักลงทุนร่วมฟังข้อมูลคึกคัก ประเดิมจังหวัดแรกเชียงใหม่ 16 ม.ค.นี้ คาดลงสนามเทรดเอ็ม เอ ไอ ก.พ. 60 นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ETE ผู้ให้บริการ บริหารจัดการบุคลากร และระบบงานธุรกิจ ในรูปแบบ Outsourcing บริการงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบโทรคมนาคม รวมถึงพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ผู้บริหารของ ETE พร้อมด้วยทีมที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เตรียมที่จะเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน และแนะนำรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ของ ETE ให้แก่นักลงทุน เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยเป็นการนำเสนอข้อมูลทั่วไป และลักษณะการประกอบธุรกิจรวมถึงรายละเอียดการดำเนินงานของบริษัทฯให้กับนักลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อพบ และให้ข้อมูลกับนักลงทุน 6 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานีหาดใหญ่ และกรุงเทพมหานคร โดยที่ ETE มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 280 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50บาท โดยที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 25ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อชำระเงินทุนกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท "การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในตัวธุรกิจของ ETE รวมถึงทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน รายได้ และความสามารถในการทำกำไร เพื่อแสดงถึงศักยภาพ รวมถึงโอกาสในการเติบโตของในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งเราหวังว่าจะได้รับความสนใจ และเสียงตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วประเทศ" นายวรชาติกล่าว นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือETE กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจหลักๆใน 3 ลักษณะประกอบไปด้วย 1.ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการ (Management Service หรือ MS) แบ่งเป็นงานบริหารจัดการบุคลากร (Manpower Management หรือ MM) และงานบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ (Business Process Outsourcing หรือ BPO) และงานบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ (Car Rental management หรือ CM) 2.ธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรม (Engineering Service หรือ EN) ประกอบด้วยงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า (Electrical Power Engineering System หรือ EE) และงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม (Telecommunication Engineering System หรือ TL) และ 3.ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy หรือ SE) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16.47 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเมืองตราด จำกัด อ.เมือง จ.ตราด กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 2.สหกรณ์การเกษตรวัฒนานคร จำกัด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 3.สหกรณ์การเกษตรบางสะพานน้อย จำกัด อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 4.สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ คลองน้ำใส จำกัด อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 1.47 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 4 โครงการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ CODเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยมีอายุของสัญญาซื้อขายไฟ 25 ปี ทั้งนี้บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) มีบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท อีทีอี เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ ETEM มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริการบริหารจัดการ และธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.27 และบริษัท ไทย สปีดี้ เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ TSDMมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับนรถ "บริษัทฯมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ซึ่งการเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทฯ และการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อให้นักลงทุนได้ทำความเข้าใจ และใช้ข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณามากยิ่งขึ้น ซึ่งหวังว่าบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน" นายไรวินท์กล่าว ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งหมด 1,143.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.78 ล้านบาท และผลประกอบการในปี 2558 บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งหมด 1,594.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.64 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนประจำปี 2559 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งหมด 1,061.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.36 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ