ปภ.รายงานสถานการณ์อุทกภัย 7 จังหวัด เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนหนัก 8 จังหวัดภาคใต้ ในช่วงวันที่ 16 – 18 ม.ค. 60

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2017 09:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานปัจจุบันระดับน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ลดลงทุกจังหวัดแล้ว ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ รวม 40 อำเภอ 256 ตำบล 2,070 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 16 – 18 มกราคม 2560 ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่ง ปภ. ได้ประสานจังหวัดเตรียมรับมือน้ำท่วมฉันพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มจากฝนตกหนัก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัย เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 119 อำเภอ 721 ตำบล 5,498 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 522,330 ครัวเรือน 1,609,716 คน ผู้เสียชีวิต 40 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 20 แห่ง ถนน 1,135 จุด คอสะพาน 191 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง นราธิวาส ปัตตานี และกระบี่ ยังคง มีสถานการณ์ใน 7 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ รวม 40 อำเภอ 256 ตำบล 2,070 หมู่บ้าน โดยพัทลุง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอเขาชัยสน และอำเภอ บางแก้ว รวม 13 ตำบล 175 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 27,274 ครัวเรือน 64,018 คน อพยพ 234 ครัวเรือน 849 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย สงขลา มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนเนียง อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด รวม 17 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,880 ครัวเรือน 26,715 คน อพยพ 19 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ตรัง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง รวม 19 ตำบล 119 หมู่บ้าน 3 เทศบาล 18 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,242 ครัวเรือน 18,369 คน อพยพ 776 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย สุราษฎร์ธานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอพุนพิน รวม 37 ตำบล 202 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,645 ครัวเรือน 24,905 คน ประชาชนอพยพ 190 ครัวเรือน 614 คน ผู้เสียชีวิต 7 ราย นครศรีธรรมราช มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอปากพนัง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอพระพรหม อำเภอ ถ้ำพรรณรา และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช รวม 72 ตำบล 629 หมู่บ้าน 84 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 145,294 ครัวเรือน 460,270 คน ผู้เสียชีวิต 11 ราย ชุมพร มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอเมืองชุมพร อำเภอปะทิว และอำเภอท่าแซะ รวม 61 ตำบล 635 หมู่บ้าน 1 เทศบาล 22 ชุมชนประชาชนได้รับผลกระทบ 23,060 ครัวเรือน 74,631 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย และประจวบคีรีขันธ์ มีสถานการณ์ น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอบางสะพานน้อย อำเภอกุยบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี รวม 37 ตำบล 224 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 5 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,469 ครัวเรือน 55,868 คน อพยพ 105 ครัวเรือน 320 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยภาพรวมสถานการณ์ในปัจจุบันระดับน้ำลดลงทุกจังหวัดแล้ว ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการสัญจร แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ รวมถึงดำเนินการซ่อมแซมถนนและสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 16 – 18 มกราคม 2560 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดชุมพรสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัย เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ