ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนหนัก 12 จังหวัดภาคใต้ ในช่วงวันที่ 16 – 20 ม.ค. 60

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2017 09:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานปัจจุบันระดับน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ลดลงทุกจังหวัดแล้วยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ รวม 34 อำเภอ 194 ตำบล 1,398 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 16 – 20 มกราคม 2560 ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะ 12 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต พัทลุง กระบี่ ตรัง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่ง ปภ. ได้ประสานจังหวัดเตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มจากฝนตกหนัก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัย เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 119 อำเภอ 722 ตำบล 5,613 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 531,911 ครัวเรือน 1,621,414 คน ผู้เสียชีวิต 41 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 20 แห่ง ถนน 1,172 จุด คอสะพาน 191 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง นราธิวาส ปัตตานี กระบี่ และชุมพร ยังคงมีสถานการณ์ใน 6 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ รวม 34 อำเภอ 194 ตำบล 1,398 หมู่บ้าน โดยพัทลุง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอเขาชัยสน และอำเภอบางแก้ว รวม 12 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,274 ครัวเรือน 64,018 คน อพยพ 233 ครัวเรือน 663 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย สงขลา มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนเนียง อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด รวม 17 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,880 ครัวเรือน 26,715 คน อพยพ 19 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ตรัง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง รวม 19 ตำบล 119 หมู่บ้าน 3 เทศบาล 18 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,242 ครัวเรือน 18,369 คน อพยพ 776 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย สุราษฎร์ธานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอพุนพิน รวม 37 ตำบล 202 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,645 ครัวเรือน 24,905 คน ประชาชนอพยพ 190 ครัวเรือน 614 คน ผู้เสียชีวิต 7 ราย นครศรีธรรมราช มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอปากพนัง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอพระพรหม อำเภอถ้ำพรรณรา และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช รวม 72 ตำบล 629 หมู่บ้าน 84 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 145,294 ครัวเรือน 460,270 คน ผู้เสียชีวิต 11 ราย และประจวบคีรีขันธ์ มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอบางสะพานน้อย อำเภอกุยบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี รวม 37 ตำบล 325 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 25 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,810 ครัวเรือน 66,486 คน อพยพ 105 ครัวเรือน 320 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยภาพรวมสถานการณ์ในปัจจุบันระดับน้ำลดลง ทุกจังหวัดแล้ว ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการสัญจรแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ รวมถึงดำเนินการซ่อมแซมถนนและสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 16 – 18 มกราคม 2560 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น และในช่วงวันที่ 19 – 20 มกราคม 2560 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พักปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นอีก ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง พังงา ภูเก็ต สงขลา กระบี่ ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนคลื่นลมบริเวณ อ่าวไทยมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัย เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ