“ไบโอเนท-เอเชีย” จับมือ “มหิดล” ทุ่มงบกว่า 3.5 พันล้านบาท คิดค้นนวัตกรรมวัคซีนใหม่สู่การผลิตแบบครบวงจร ครั้งแรกในประเทศไทย

ข่าวทั่วไป Tuesday January 17, 2017 12:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--โฟร์ฮันเดรท ทีมวิจัย "ไบโอเนท-เอเชีย" ร่วมมือกับทีมนักวิจัยจาก "มหาวิทยาลัยมหิดล" คิดค้นนวัตกรรมวัคซีนชนิดใหม่สู่การผลิตแบบครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 3.5 พันล้านบาท คาดวางจำหน่ายครั้งแรก มีนาคม 2560 ในประเทศไทย ตั้งเป้ารายได้ 10-15 ล้านบาท บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ถือเป็นบริษัทแรกเริ่มในไทยที่มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์แบบ Innovative Solution โดยความร่วมมือจากผู้ก่อตั้งชึ่งมีความชำนาญธุรกิจด้านวัคซีนจากสามประเทศคือไทย ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม เริ่มจากการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตวัคซีน และก้าวเข้าสู่การนำเข้าวัคซีน วิจัยและพัฒนา และจัดจำหน่ายวัคซีนทั้งในประเทศและประเทศใกล้เคียง จนปัจจุบันสามารถก้าวมาเป็นผู้นำด้านวัคซีนในประเทศไทย โดยการวิจัย พัฒนาและผลิตวัคซีนจากต้นน้ำแบบครบวงจรได้เป็นรายแรกของประเทศ นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและ บริษัทฯ พร้อมด้วยทีมวิจัยกับคิดค้นนวัตกรรมวัคซีนชนิดใหม่และผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงขั้นตอนสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยวัคซีนที่ผลิตได้จากการวิจัยครั้งนี้มีทั้งหมด 2 ชนิดได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไอกรน และวัคซีนรวมป้องกันโรคไอกรน คอตีบ และบาดทะยัก ซึ่งวัคซีนไอกรนดังกล่าวใช้วิธีทางพันธุวิศวกรรมเพื่อทำให้ความเป็นพิษของโปรตีนแอนติเจนหมดไป ซึ่งให้ผลดีกว่า ปลอดภัยกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้สารเคมี ไบโอเนท-เอเชีย ถือเป็นบริษัทที่สองของโลกที่สามารถผลิตวัคซีนไอกรนโดยใช้กระบวนการกำจัดความเป็นพิษของโปรตีนแอนติเจนโดยวิธีทางพันธุวิศวกรรมได้สำเร็จ โดยเป็นความร่วมมือจากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลในการคิดค้นกล้าเชื้อขึ้นมา และได้ร่วมกันทำการวิจัยอย่างทุ่มเทและต่อเนื่องร่วมกับทีมวิจัยคุณภาพจากทางไบโอเนท-เอเชีย โดยการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เราใช้ระยะเวลาในการศึกษายาวนานถึง 10 ปีก่อนที่จะสามารถผลิตวัคซีนได้สำเร็จ ใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 3,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ให้ผลิตและจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในประเทศไทย ช่วงเดือนมีนาคม 2560 ก่อนจะขยายการจำหน่ายไปยังตลาดโลก ทั้ง อเมริกา, ยุโรป, เกาหลี, จีน, อินเดีย ต่อไป โดยคาดว่าในปีแรกน่าจะสร้างรายได้ประมาณ 10-15 ล้านบาท "ประเทศไทยยังคงมีพื้นฐานการฉีดวัคซีนไม่มากนัก คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 2 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งแม้วัคซีนไอกรนจะขยายฐานจากเด็กแรกเกิดปีละ 7-8 แสนคน สู่เด็กโตและผู้ใหญ่ ที่มีโอกาสกลับมาเป็นอีก แต่มูลค่าตลาดก็ยังไม่สูงนัก บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นที่ตลาดโลกเป็นสำคัญ นอกจากนี้บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย ยังมีวัคซีนที่รอทำการวิจัยและค้นคว้าอีกกว่า 12 โครงการ เพื่อให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศมีสุขภาพที่ดี และเพื่อความยั่งยืนของสาธารณสุขไทย" นายวิฑูรย์ กล่าว ด้าน นาย ฮอง ไทย ฟาม ประธานฝ่ายบริหาร กล่าวว่า วัคซีนไอกรนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นรุ่นที่ 2 ที่พัฒนาและใช้กันมากว่า 50 ปี ซึ่งพัฒนามาจากเชื้อเป็น แล้วทำผ่านกระบวนการให้เชื้อตาย แต่ส่งผลกระทบเรื่องการเกิดไข้สูงรวมไปถึงอาการชักในเด็ก ทางไบโอเนท-เอเชีย มองเห็นและให้ความสำคัญจึงคิดค้นและใช้เวลาทำการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จนเกิดเป็นวัคซีนรุ่นที่ 3 ที่ใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมให้เชื้อสามารถผลิตแอนติเจนที่ไม่ก่อพิษ ทำให้สามารถกระตุ้นภูมิได้ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีทำให้หมดพิษก่อนเหมือนวัคซีนรุ่นที่ผ่านมา โดยเหตุผลที่เลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตและค้นคว้าวิจัย เพราะประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้าน ทั้งงานด้านวิชาการและทีมวิจัย ซึ่งได้สร้างโรงงานวิจัยตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยา และมีทีมวิจัยที่เป็นคนไทย 90% จากพนักงานทั้งหมด 160 คน วิจัยและผลิตออกมาจนเป็นวัคซีน ที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ