กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--กลุ่มบริษัทยูนิไทย
ระบบการศึกษาที่จะตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาลได้นั้น ต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนรูปแบบการสอน โดยลดการเรียนรู้แบบการท่องจำ แล้วหันไปให้น้ำหนักกับการสร้างทักษะในการเรียนรู้ของผู้เรียนให้สามารถพัฒนาตนเองเพื่อการดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ได้
นับเป็นความท้าทายในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับชีวิตในศตวรรษ 21 กลุ่มบริษัทยูนิไทยจึงเดินหน้าส่งเสริมกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชน ซึ่งได้จัดกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการพัฒนาคุณภาพบุคลากรครูให้มีทักษะในการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนตามแนวทางสะเต็ม โดยเน้นพัฒนาศักยภาพของของผู้เรียน เพื่อให้เกิดกระบวนการคิด และสามารถเชื่อมโยงสาระความรู้ในวิชาต่างๆ มาใช้กับการแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้
โดยกลุ่มบริษัทยูนิไทย ได้มีการลงพื้นที่จัดกิจกรรม STEM Conference & Workshop ให้กับโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่าย สำหรับกิจกรรมในครั้งที่ 1 จัดในเดือนพฤศจิกายน 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรครูได้เข้าใจกระบวนการเรียนการสอนและมีความสามารถในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2559 เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการนำกระบวนการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มไปใช้ในการเรียนการสอนของแต่ละสถานศึกษา และครั้งที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน 2559 ได้จัดกิจกรรมให้บุคลากรกรครูได้ระดมความคิดในการทำให้เกิดการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนกับโครงการสะเต็ม
ซึ่งผลตอบรับจากการที่แต่ละสถานศึกษาได้นำรูปแบบการเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษาไปใช้นั้นช่วยพัฒนานักเรียนในด้านการคิดวิเคราะห์ พัฒนาทักษะด้านการแก้ปัญหารวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นทีม วิธีการเรียนการสอนดังกล่าวช่วยให้นักเรียนสนุกและสนใจในการเรียนมากขึ้น
นอกจากนี้การเตรียมเยาวชนเพื่อก้าวสู่งานอาชีพในสายอุตสาหกรรมเป็นอีกโครงการที่กลุ่มบริษัทยูนิไทยใช้ในการขับเคลื่อนเยาวชนสู่ประเทศไทย 4.0 โดยเปิดเป็นโครงการฝึกอบรมวิชาชีพช่างเครื่องยนต์ ช่างไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และช่างเชื่อมโลหะขั้นพื้นฐานแก่เยาวชนในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นที่ 6 โดยสนับสนุนบุคลากรอาสาสมัครจากองค์กรที่มีความชำนาญในสายงานดังกล่าวร่วมกับโรงเรียนวัดแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ดำเนินการจัดทำหลักสูตร และแผนการสอนทักษะวิชาชีพช่าง เพื่อเป็นพื้นฐานให้เยาวชนสามารถศึกษาต่อสายอาชีพที่เกี่ยวข้อง และสร้างโอกาสให้เยาวชนก้าวสู่งานอาชีพในสายอุตสาหกรรมได้อย่างมีคุณภาพ จากการดำเนินโครงการดังกล่าวมีนักเรียนจำนวนกว่า 600 คน เข้าร่วมโครงการ และมากกว่า 80% ได้เข้าศึกษาต่อในสายอาชีวะ
ขณะนี้กลุ่มบริษัทยูนิไทยได้ประสานความร่วมมือกับ สสวท. หน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา เพื่อการพัฒนาศักยภาพและทักษะเยาวชนสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำคัญและก้าวต่อไป ของกลุ่มบริษัทฯ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ ที่มีรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะเยาวชนสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นรูปธรรม เพราะเชื่อมั่นว่าการพัฒนาองค์ความรู้ให้บุคลากรครูและเยาวชนจะเป็นการวางรากฐานครั้งสำคัญ ในการพัฒนาประเทศ ภายใต้โมเดลประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป