SCN มองแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซ NGV ปี 60 พุ่ง หลังน้ำมันกลับสู่ขาขึ้น ดันส่วนต่างราคาเทียบเบนซินและดีเซลเพิ่มเป็นเท่าตัว หนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติสุดแจ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 30, 2017 15:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย สแกน อินเตอร์ หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร ฟันธงปี 60 แนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซNGV ฟื้นตัวจากปีก่อน หลังราคาน้ำมันกลับสู่ช่วงขาขึ้น มีลุ้นแตะ 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ถ่างส่วนต่างราคาเชื้อเพลิงก๊าซ NGV กับน้ำมันเบนซิน-ดีเซล เป็นกว่าเท่าตัว ชี้เป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันกลับมาใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น แถมได้ปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ขยายตัวได้ดี ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปคได้รวมตัวกันลดกำลังการผลิตลง 210,000 บาร์เรลต่อวันเพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้นอีกครั้ง โดยปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 50-55 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมีความเป็นไปได้ว่าภายในกลางปีนี้ราคาน้ำมันดิบจะปรับเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ NGV ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบราคาก๊าซธรรมชาติ NGV ที่ใช้ในภาคขนส่งสินค้ากับราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล จะมีส่วนต่างราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น โดยพบว่า ณ วันที่ 26 ม.ค. 60 ก๊าซธรรมชาติ NGV มีราคาขายอยู่ที่12.55 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ประมาณ 27.38 บาทต่อลิตรและราคาดีเซลอยู่ที่ 26.39 บาทต่อลิตร โดยส่วนต่างราคาระหว่างก๊าซธรรมชาติ NGV กับน้ำมันเชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิดมีมากกว่า 2 เท่าตัว สะท้อนให้เห็นได้ว่าก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งที่มีความคุ้มค่าที่สุดและผู้ประกอบการภาคขนส่งโลจิสติกส์นิยมใช้มากที่สุด แม้ว่าในปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้และจำนวนพาหนะที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV มากนัก โดยข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2559 พบว่า มีปริมาณรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกทั้งสิ้น 407,146 คัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยเพียง 1,146 คันเท่านั้น "ปีนี้เราจะเห็นส่วนต่างราคาระหว่างก๊าซธรรมชาติ NGV กับน้ำมันเบนซิน-ดีเซลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก จึงมีโอกาสที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก จึงเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคในภาคขนส่งโลจิสติกส์ จะหันมาใช้ก๊าซ NGV เพื่อประหยัดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลต่อปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นในที่สุด" ดร.ฤทธี กล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มองว่าการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะส่งผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และช่วยสนับสนุนการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เพิ่มขึ้น และการปลดล็อคราคา NGV ในปีที่ผ่านมาของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และนโยบายของ ปตท. ซึ่งเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV จากปัจจุบันที่มีสถานี 501 แห่งทั่วประเทศ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเบนซินหรือดีเซลมากขึ้นอีกด้วย กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก โดยปัจจุบันมีสถานีบริการ 10 แห่ง แบ่งเป็นที่เปิดให้บริการแล้ว 7 แห่ง และที่อยู่ระหว่างรอสัญญาในการซื้อขายก๊าซ NGV จาก ปตท. อีก 3 แห่ง ได้แก่ ที่จังหวัดปราจีนบุรี ขอนแก่นและชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้จะมองโอกาสในการขยายธุรกิจค้าปลีกก๊าซ NGV เพื่อผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ