กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--มิดาส คอมมูนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล
"เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปมันส์กับไฮป์ฟริคส์"
ไฮป์ฟริคส์วงน้องใหม่สัญชาติอเมริกันพร้อมปล่อยเพลงใหม่สุดฮิตที่จะมาเขย่าโสตประสาทของคนวัยมันส์ด้วยการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยพลังและรูปแบบของเพลงอันหลากหลายทั้ง อีดีเอ็ม ฮิปฮอป และแทร็ป ผสมผสานออกมาในรูปแบบเฉพาะตัวยากที่ใครจะสามารถเลียนแบบได้
ไฮป์ฟริคส์ ศิลปินคู่หูระหว่างดีเจคริซด์ และ เอ็มซีอียิปต์ ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์และไฟของคนรุ่นใหม่ เกิดและโตขึ้นที่สหรัฐอเมริกา และใช้ชีวิตวัยเด็กในหลากหลายที่ อาทิเช่น อินเดีย ประเทศไทย และอียิปต์ อีกทั้งยังมีความรักและหลงใหลในเสียงเพลง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ลองจับดนตรีพื้นเมืองตามที่ต่างๆที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่มาผสมผสานกับสไตล์ของตัวเองจากอเมริการวมเข้าด้วยกัน
ระยะเวลาเพียงไม่นานไฮป์ฟริคส์ได้ใช้ความสามารถในการผสมผสานดนตรีท้องถิ่นและอิทธิพลของฮิปฮอป อีดีเอ็ม และแทร็ปจนได้เป็นเพลงซิงเกิ้ลสากลยอดฮิตอย่าง "Ride it like the BTS"และจากแทร็คเพลงเดิมๆที่ได้รับการรีมิกซ์จากเพลงยอดนิยมจนกลายเป็นการแสดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนอกจากนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ยิ่งขึ้นไปอีก ไฮป์ฟริคส์ได้เพิ่มองค์ประกอบอื่นลงไปในเพลงทั้งภาพวีดีโอ กราฟฟิค การซิงค์สด และการแร็ปแบบฟรีสไตล์ที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
"จากการที่ต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย ทำให้พวกเราได้ประสบการณ์ของดนตรีที่แตกต่างกันและสร้างสรรค์มันขึ้นมาจากลักษณะเฉพาะของพวกเราเอง ในฐานะของศิลปินอย่างเรานี่ถือเป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้อยู่ในกรุงเทพฯที่ซึ่งเพลงของเราสามารถเข้าถึงและแพร่ขยายความสามารถไปยังฐานแฟนคลับได้อย่างรวดเร็ว เราชอบเรียกพวกเขาว่า เหล่ามนุษย์ไฮป์ฟริคส์" เอ็มซีอียิปต์จากวงไฮป์ฟริคส์ กล่าว
ไฮป์ฟริคส์ได้ทำงานอย่างหนักตั้งแต่พวกเขามาถึงกรุงเทพฯที่ซึ่งเราสามารถหาตัวพวกเขาได้ตามไนต์คลับและบาร์หลักๆในกรุงเทพฯเช่นEQ Late night club, ZSTUDIO Live hall ณ RCA, Insanity Night Club, Seen Space @ Thong Lor และ Bangkok Betty ทำให้เราเห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนจำนวนมากได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกและในปี2560นี้ตารางของไฮป์ฟริคส์แน่นขนัดไปด้วยคิวงานที่พวกเขาจะได้เจอผู้คนอีกจำนวนมากตามปาร์ตี้ทั่วกรุงเทพฯ
"การเปิดตัวในกรุงเทพฯถือเป็นประสบการณ์ดีของพวกเรา คนที่นี่มีความหลากหลายในเรื่องของรสนิยมและเทรนด์ ทำให้ในฐานะศิลปินเราได้ทดลองสิ่งใหม่ๆจากสไตล์ของพวกเราไปสู่พวกเขาทีละน้อยและพัฒนามันต่อไป นี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงชอบอยู่ในกรุงเทพ มันเต็มไปด้วยเรื่องสนุกและน่าท้าทาย" ดีเจคริซด์จากวงไฮป์ฟริคส์ กล่าว