JWD โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 4/59 พุ่ง 43 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผล 0.08 บาทต่อหุ้น พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 7%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 24, 2017 10:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร แจงกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 พุ่ง 43 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนหน้านี้ หลังธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย ยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงคลังสินค้าห้องเย็นเติบโตได้ดี พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ด้านผู้บริหารมั่นใจธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด ตั้งเป้าผลักดันรายได้รวมในปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 7% หลังธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นมีดีมานด์จากสินค้าอาหารทะเลและสัตว์ปีกเช่าพื้นที่กลับเข้ามาเพิ่มขึ้น แถมเตรียมรับรู้รายได้จากการให้บริการโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์แก่โรงงานของสยามกลการอุตสาหกรรม ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือJWD ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 (ตุลาคม-ธันวาคม 2559) ว่า บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาทเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนสุทธิ 105.1 ล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและรายการค่าใช้จ่ายพิเศษรวม 2 รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงปลายปี 59 ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 558 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า การฟื้นตัวของกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 นั้น มีปัจจัยมาจากกลุ่มธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าที่เติบโตได้ดี ได้แก่ กลุ่มสินค้าอันตราย รายได้เติบโตประมาณ 11% หลังตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากในช่วงปลายปี ส่วนกลุ่มสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง ก็มีอัตราการเติบโตกว่า 11% จากความต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาทูน่าเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 59 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 60 อีกทั้งกลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบที่มีการเติบโต 8% จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลให้มีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบปี 2559 มีรายได้รวม 2,251 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์และชิ้นส่วนที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 22% จากสัดส่วนการให้บริการแบบ On-site service แก่กลุ่มนิสสัน และการขยายตัวของภาคการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมการบันทึกตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและรายการค่าใช้จ่ายพิเศษ 2 รายการ บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา 122 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาชะลอตัวลง แต่บริษัทในเครือยังมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานปี 2559 แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ของบริษัทฯ ได้สะท้อนว่าธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้น บริษัทฯ จึงตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 7%เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักยภาพ หลังมองเห็นการเติบโตและการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น ที่มีความต้องการเช่าพื้นที่เก็บอาหารทะเลและสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 59 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 60 ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์และชิ้นส่วน จะได้รับผลดีจากการเริ่มให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของสยามกลการอุตสาหกรรม ที่ดำเนินการภายใต้บริษัท สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง JWDกับบริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษยานนี้เป็นต้นไป ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในเครือสยามกลการก่อน 2 โรงงาน จากทั้งหมดประมาณ 70 โรงงาน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปีนี้ประมาณ 50 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปีจากการขยายการให้บริการไปยังโรงงานอื่น ๆ ภายใต้เครือฯ ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะมุ่งเก็บเกี่ยวรายได้จากโครงการต่าง ๆ ที่ขยายการลงทุนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการคลังสินค้าใน สปป.ลาว เมียนมาและกัมพูชา ที่เปิดให้บริการแล้ว โดยมีพื้นที่รวมกันกว่า 9,400 ตารางเมตร ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนที่ร่วมทุนกับศรีไทย กรุ๊ป โครงการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JWD Chemical Supply Chain : JCS) ฯลฯ พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังได้บันทึกค่าที่ปรึกษาด้านการลงทุนและตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ช่วงไตรมาส 2-3/59 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว "เราตั้งเป้าจะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้หลังจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและเติบโตได้ดีในธุรกิจกลุ่มหลักของ JWDขณะที่ภาพรวมธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ก็น่าจะได้รับผลดีจากปัจจัยเกื้อหนุนต่าง ๆ อาทิ GDP ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 3% จากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าในจังหวัดชายแดน ภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ที่คาดว่าเติบโตดีขึ้นในปีนี้ อีกทั้งการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ชและการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ที่จะส่งผลโดยตรงและทางอ้อมต่อความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น" นายชวนินทร์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ