กรมสุขภาพจิต ย้ำ พลังสื่อมวลชน พลังสำคัญ สร้างสรรค์สังคมสุขภาพจิตดี

ข่าวทั่วไป Tuesday March 14, 2017 16:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ชมฉวีวรรณ นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี เป็นวัน นักข่าว หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ กรมสุขภาพจิตขอแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 62 ปี ถ้าเปรียบเป็นบุคคลถือว่ามีความคร่ำหวอดในวงการสื่อและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ตลอดจนต้องขอขอบคุณนักสื่อสารมวลชนทุกท่านที่ร่วมเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพจิตให้กับประชาชนมาโดยตลอด ทุกวันนี้ ข้อมูลข่าวสาร ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต คนทำข่าวจึงมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นคนกลางส่งผ่านข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและครบถ้วนให้กับประชาชนเปรียบเหมือนกระจกสะท้อนสังคม ที่ควรสะท้อนในทุกด้านมากกว่าสะท้อนเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งนี้ และในแง่มุมของการสื่อสารด้านสุขภาพจิต เมื่อพูดถึงผู้มีปัญหาสุขภาพจิต หลายคนในสังคมอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ ส่วนหนึ่งมองว่า การเจ็บป่วยเป็นการเสแสร้ง แกล้งทำ น่าเบื่อหน่าย เรียกร้องความสนใจ และมักถูกเยาะเย้ย หรือซ้ำเติม ถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อสังคม สร้างความรู้สึกหวาดกลัว รังเกียจ สร้างความรู้สึกอับอายให้กับครอบครัวที่มีผู้ป่วยจิตเวช เหล่านี้ ก่อให้เกิดภาพลบตอกย้ำตราบาปต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและผู้ป่วยจิตเวชในสังคมมากยิ่งขึ้น ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงบริการบำบัดรักษา จึงต้องขอย้ำว่า โรคทางจิตเวช ไม่ใช่ โรคร้าย ไม่ใช่ตราบาป ไม่ใช่เรื่อง น่าละอาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ขอเพียงเข้าถึงบริการให้เร็ว ที่สำคัญ ต้องทานยาให้ต่อเนื่อง อยู่ในการควบคุมของแพทย์ สามารถรักษาให้หายกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณค่าต่อไปได้ สื่อมวลชน จึงเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญ ที่จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีสุขภาพจิตดี สร้างความตระหนัก ลดความตระหนก ช่วยลดตราบาป สื่อสารเชิงบวกอย่างสร้างสรรค์ให้กับสังคมได้ โดย 1. ระมัดระวัง การพาดหัวข่าว หรือการนำเสนอภาพความน่ากลัวหรือรุนแรงซ้ำๆ ภาพการสูญเสีย สิ้นหวัง ทำร้ายตนเองการเน้นหรือตอกย้ำ ให้ความโดดเด่น หรือ ดราม่า ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ซ้ำเติมความทุกข์หรือโศกนาฏกรรม หรือด่วนสรุปว่า การทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายมาจากสาเหตุใดเพียงสาเหตุเดียว ซึ่งกลุ่มเปราะบางทางอารมณ์อาจเกิดการคล้อยตามหรือเลียนแบบได้ ที่สำคัญ ไม่ควรขยายความขัดแย้งให้เกิดขึ้น 2. คำนึงถึงการนำเสนอข่าวที่อาจส่งผลต่อความรู้สึกหรือเกิดผลกระทบในทางลบต่อผู้ป่วย ญาติและผู้ใกล้ชิด ไม่ซักถามเรื่องความสูญเสียจากผู้ที่ยังไม่พร้อมจะเล่า เพราะยิ่งเป็นการซ้ำเติมบาดแผลทางใจ ไม่ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิมนุษยชนของเด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส 3. สอดแทรกความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและจำเพาะกับประชาชน เช่น การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการหรือโรคทางจิตเวช การนำเสนอสัญญาณเตือน แนวทางการดูแลจิตใจ การป้องกันปัญหา ตลอดจน การนำเสนอตัวอย่างด้านบวกแก่สังคม เพื่อช่วยให้เกิดความหวังและการเรียนรู้ในการเผชิญกับปัญหา โดยสามารถ ขอความรู้หรือข้อแนะนำได้จากจิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิชาการด้านสุขภาพจิต 4. ให้ข้อมูลแหล่งให้การช่วยเหลือด้านจิตใจ หน่วยงานให้บริการ หรือให้คำปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 และหน่วยงานหรือสถานพยาบาลที่ให้บริการ ที่ควรระบุอย่างชัดเจนในตอนท้ายของข่าว บทความ หรือละคร ในทุกครั้ง 5. ดูแลกายและใจของตัวเองให้ดีเพราะการติดตามทำข่าวแต่ละครั้งอาจได้รับความเครียดและความทุกข์ได้มาก แม้ว่าจะมีประสบการณ์สูงแล้วก็ตาม จึงอย่าลืมพูดคุย ระบายกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนในครอบครัว หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านจิตใจ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ