กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
เรื่องเล่าขานของสามัญชนนายหนึ่งยังคงได้รับการกล่าวขวัญในทุก วันที่ 9 มีนาคม หลายๆ คนคงพอคุ้นเคยกับชื่อของเขากันบ้าง ชายคนนี้ มีชื่อว่า 'ป๋วย อึ๊งภากรณ์' เรื่องราวของเขายังคงได้รับส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคสุดคลาสสิกที่ว่า'สืบทอดปณิธาน ป๋วย' กระนั้น เด็กรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ประชาชนคนทั่วไปก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกันสักเท่าไหร่ว่า ปณิธานที่ว่านี้คืออะไร ดังนั้น เราจึงควรศึกษาผลงานในทุกช่วงชีวิตของป๋วย ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์ของเขาได้อย่างดีทีเดียว
ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยมากมาย และดำรงไว้ซึ่งความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความมุ่งมั่น ในการทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นการทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากคลุกฝุ่นอยู่มานาน การยืนกรานกับรัฐบาลที่จะปรับเงินสหธนาคาร กรุงเทพ จำกัด เนื่องจากธนาคารดังกล่าวทำผิดกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย จนทำให้เขาโดนสั่งย้ายให้ไปทำหน้าที่อื่น การจัดตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรที่เน้นเรื่องมาตรฐานและคุณภาพมากกว่าอามิสสินจ้าง ตลอดจน การออก พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ที่ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งในทุกๆ ช่วงชีวิตของ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เขาได้อุทิศตัวให้กับบ้านเมืองมาโดยตลอด
ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ ยังคงอยู่ในสภาพเติบโตอย่างเปราะบาง แม้ว่า ความคาดการณ์เมื่อต้นปีจะบอกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจะขยายตัวขึ้น 3-4% แต่กลับสวนทางกับ งบประมาณคงคลังของรัฐบาลที่ขาดดุลกว่าปีก่อนหน้า ประกอบกับ นโยบายการจัดเก็บเพดานภาษีที่เข้มงวดขึ้นสำหรับประชาชน จนดูเหมือนว่า รายจ่ายของรัฐบาลนั้นสะดุดถึงขั้นต้องผลักภาระมาให้ประชาชนเสียเอง กระนั้น ความจริงข้อหนึ่งคือ เราไม่มีทางรู้ว่า เศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่สภาวการณ์ ณ ตอนนี้กลับชวนให้นึกถึง บุคคลในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพราะเขาเป็น ผู้พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย โดยเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งเขาผู้นี้คือใครนั้น วันนี้เราจะมารู้กันเขากันมากขึ้น กับ บุคคลในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง ป๋วย อึ๊งภากรณ์
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ 'ป๋วย อึ๊งภากรณ์'
1. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นนักศึกษารุ่นแรกของมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์และการเมือง
2. เขาเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานกว่าทุกคน โดยเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2502
3. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ป๋วย ในนามของสมาชิกขบวนเสรีไทยในอังกฤษ ได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพของอังกฤษ เพื่อแสดงสัญญะว่า ไทยไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของญี่ปุ่น โดยเขาเสี่ยงชีวิตลอบเข้าไทยเพื่อประสานงานกับกลุ่มเสรีไทยในประเทศ และส่งผลในภายหลังให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากภาวะ ประเทศผู้แพ้สงครามเพราะร่วมมือกับญี่ปุ่น
4. ในระหว่างปี พ.ศ. 2502 - 2515 เขาได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากรัฐบาลทั้งด้านความสามารถและความซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการเงิน การคลัง ของทั้งประเทศ โดยที่ ในบางปีเขาต้องเป็นทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ พร้อมๆ กัน (แต่ไม่รับเงินเดือนเต็มจากทุกหน่วยงาน)
5. ในปี พ.ศ. 2508 เขาได้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ (เปรียบดังรางวัลโนเบลของทวีปเอเชีย) ในฐานะที่เป็นข้าราชการที่อุทิศตนให้แก่ราชการอย่างสูงยิ่ง
6. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นเจ้าของบทความอมตะ อันเลื่องชื่ออย่าง "คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่ง ความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" ที่ว่าด้วย สวัสดิการสังคมของคนไทยพึงได้รับจากรัฐ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงวันสิ้นชีวิตบทความดังกล่าวนั้นเป็นที่มาของแนวคิด "รัฐสวัสดิการ"โดยให้ รัฐบริหารจัดการเงินภาษีอากรที่เก็บจาก ประชาชน กิจการ และ ธุรกรรม มาดูแลประชาชนในสังคมเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต
7. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับแรกของไทย โดยวางนโยบาย รัฐสวัสดิการ ในร่างดังกล่าว
8. เขายังเป็นเจ้าของความคิดเรื่อง "สันติประชาธรรม" ที่เรียกร้อง (1) สิทธิเสรีภาพของประชาชน (2) ความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคม (3) การมีส่วนร่วมในการกำหนดชะตากรรมของสังคม และ (4) การขับเคลื่อนหรือต่อสู้เพื่อเป้าหมายต้องใช้แนวทางสันติวิธี
9. ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (พ.ศ. 2507-2515) ที่สร้างมาตรฐานการศึกษาสาขานี้ให้แก่มหาวิทยาลัยและทั้งประเทศ โดยเขาริเริ่มส่งคนไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกในต่างประเทศ เพื่อให้กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะ ต่อมาเขาได้เป็นศิษย์เก่าคนแรกที่ได้เป็นอธิการบดี ของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2518
10. เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกๆที่เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะมองข้ามการพัฒนาในระดับฐานราก ดังนั้น จึงได้ก่อตั้งโครงการบัณฑิตอาสาสมัคร เพื่อให้ปัญญาชนลงไปสัมผัสปัญหาชนบท รวมทั้งร่วมก่อตั้งมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย
แท้ที่สุดแล้วสืบทอดปณิธานที่ว่านี้ คงหมายรวมถึง การเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์เพื่อประชาชน จึงไม่แปลกที่ องค์การยูเนสโกจะยกย่องให้ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในด้านผู้มีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และ แม้ว่าปีนี้จะครบรอบ 101 ปี ชาตกาลของบุคคลสำคัญของโลกอย่าง 'ป๋วย อึ๊งภากรณ์' แต่อย่างน้อย เรื่องราวของเขาก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันในสังคม ราวกับว่าเขาไม่ได้หายไปไหน
"ถึงแม้ความหวังนั้นจะไม่สำเร็จในช่วงชีวิตของเรา แต่เราก็ต้องทิ้งความคิดไว้ให้คนรุ่นหลังทำต่อ"
สัจจะ ธรรมรักษา (นามปากกาแฝงของ ป๋วย อึ๊งภากรณ์)