กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--เบสท์เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท เอเชีย
เบสท์เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท ลุยเปิดโรงแรมใหม่ทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตขึ้นอีก 40%
จากการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องทำให้ในขณะนี้มีโรงแรมในเครือที่เปิดให้บริการแล้วในเอเชียมากถึง 107 โรงแรม และที่เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วอีก 49 โรงแรม ทำให้ยอดรวมจำนวนห้องพักตอนนี้สูงถึง 10,316 ห้อง แสดงให้ถึงการเติบโตในภาคธุรกิจของเบสท์เวสเทิร์น คาดการณ์ว่าภายในปีนี้จะสามารถเพิ่มรายได้จากโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีห้องพักเฉลี่ยประมาณ 220 ห้องได้อย่างแน่นอน
ภาพรวมหลักๆ ของการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะเน้นไปที่แบรนด์น้องใหม่อย่าง ไวบ์ และ โกล ที่มีดีไซน์ทันสมัยตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคดิจิตัล และแบรนด์เบสท์เวสเทิร์นพรีเมียร์ คอลเลคชั่น โรงแรมที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อประสบการณ์อีกระดับของการเข้าพัก และเมื่อเร็วๆ นี้ เบสท์เวสเทิร์นโฮเทลแอนด์รีสอร์ทได้มีการเปิดตัวแบรนด์ ชัวร์สเตย์ นับเป็นการปฏิวัติรูปแบบของธุรกิจโรงแรมแบบ ไวท์เลเบล เสนอทางเลือกใหม่ให้แก่โรงแรมที่ยังไม่มีแบรนด์ใดๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 แบรนด์ย่อย ได้แก่ ชัวร์สเตย์ (โรงแรมแบบประหยัด) ชัวร์สเตย์พลัส (โรงแรมแบบมาตรฐาน อยู่ระหว่างแบบประหยัดและระดับกลาง) และ ชัวร์สเตย์ซิกเนเจอร์คอลเลคชั่น (โรงแรมระดับกลาง)
เบสท์เวสเทิร์น ได้มีการเซ็นสัญญาลงนาม โรงแรมไวบ์ ไปแล้วในหลายเมืองหลักในเอเชีย ซึ่งรวมไปถึง กรุงเทพมหานคร ดานัง เวียงจันทน์ และย่างกุ้ง และล่าสุด เบสท์เวสเทิร์นพรีเมียร์ คอลเลคชั่น ที่กำลังจะเปิดตัวที่พัทยา เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
นอกจากสองแบรนด์ใหม่ที่กล่าวมาแล้วนั้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นขยายแบรนด์หลักอย่างเบสท์เวสเทิร์น ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงแรมขนาดกลาง ให้บริการห้องพักที่คุ้มค่า คุ้มราคา เบสท์เวสเทิร์นพลัส โรงแรมที่มีความทันสมัยเหมาะกับการใช้ชีวิตที่ต้องการความคล่องตัว และ เบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ นำเสนอประสบการณ์การเข้าพักที่มีระดับ สะท้อนเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของจุดหมายปลายทางนั้นๆ
ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้นถูกจัดรวมอยู่ในแผนพัฒนาในอันดับแรกๆ ของเบสท์เวสเทิร์น ในปีที่ผ่านมามีการเปิดโรงแรมเบสท์เวสเทิร์นที่กรุงโตเกียว และที่โอกินาวา เมืองท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันทึ่ประเทศฟิลิปปินส์ แบรนด์เบสท์เวสเทิร์นพลัส ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุน และในประเทศมาเลเซียก็มีการเปิดโรงแรมใหม่ๆ คือโรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพรีเมียร์ เกนติ้งไฮแลนด์ และ เบสท์เวสเทิร์นพลัสที่เมืองคูชิง ส่วนกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนคือ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมืองธุรกิจที่สำคัญอย่างสิงคโปร์ นั้นถูกจัดรวมไว้ในแผนการพัฒนาธุรกิจก้าวต่อไปของเบสท์เวสเทิร์นเช่นกัน
สิ่งที่เห็นสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนของการเติบโตของเบสท์เวสเทิร์นคือ การลงนามครั้งยิ่งใหญ่กับ 4 โรงแรมในประเทศไทยซึ่งจะทำให้มียอดรวมห้องพักถึง 4,000 ห้อง ในแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่เปิดประตูรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอย่าง พัทยา และ หัวหิน
โอลิเวียร์ แบร์ริแวง ผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชีย เบสท์เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท กล่าวว่า "ในปีที่ผ่านมา เบสท์เวสเทิร์นได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 15 ปี ของการก่อตั้งบริษัทในภูมิภาคเอเชีย และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเบสท์เวสเทิร์นก็แสดงให้เห็นว่าแบรนด์มีความแข็งแกร่งอย่างมากในกลุ่มธุรกิจโรงแรม มิใช่เพียงตัวเลขที่สูงขึ้นแต่คุณภาพก็เป็นสิ่งทีเติบโตควบคู่กันมาด้วยเช่นกัน กลยุทธ์ของแผนพัฒนาการตลาดของภูมิภาคเอเชียนั้น ได้ก้าวเข้าสู่อีกระดับที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมใหม่ๆ ที่มีแผนกำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ และแบรนด์คอนเซปต์ใหม่ที่เป็นอีกทางเลือกให้ทั้งนักลงทุนและแขกผู้เข้าพัก"
"จากการเปิดเผยกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยรวมของแบรนด์จากบริษัทแม่ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2559 นับเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานและโดดเด่น ซึ่งจะทำให้โรงแรมคลื่นลูกใหม่ในเครือเบสท์เวสเทิร์นนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้นด้วยห้องพักที่สะดวกสบายและได้มาตรฐาน" มร. แบร์ริแวง กล่าวเสริม
การเติบโตของตลาดในเอเชียของเบสท์เวสเทิร์นนั้นได้รับความสนใจมากขึ้น โดยการันตีได้จากสองรางวัลที่ได้รับติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีและล่าสุดในปี 2559 ที่เบสท์เวสเทิร์นได้รับการยอมรับจากสองสื่อยักษ์ใหญ่ของวงการโรงแรมอย่าง TTG และ Travel Weekly Asia ให้เป็น "กลุ่มโรงแรมขนาดกลางยอดเยี่ยม" ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ได้อย่างดี ทำให้ มร. แบร์ริแวง เชื่อมั่นว่าแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวให้ทุกคนได้รู้จักในเอเชียนั้นจะเพิ่มศักยภาพทางการตลาดให้กับบริษัทได้ในอนาคตอย่างแน่นอน